อีวี ไพรมัส ชูความเป็น SUV มัลติแบรนด์ เดินหน้าตลาด DFSK ต่อเนื่อง และ เปิดแบรนด์ SERES รุกตลาดอีวี
- รุก DFSK ภายใต้แนวคิด New Normal SUV เตรียมขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายเป็น 30 โชว์รูม ครอบคลุมการบริการกว่า 40 จังหวัด ตอกย้ำการเติบโตอย่างมั่นคงและบริการหลังการขายอยู่คู่คนไทยอย่างยั่งยืน
- ตั้งเป้า DFSK ยอดขาย 1,000 คัน พร้อมเผยโฉมแบรนด์ใหม่ SERES เตรียมเปิดรถยนต์ไฟฟ้าอีกอย่างน้อย 3 รุ่นใน 2 ปีข้างหน้า
- ทุ่ม 80 ล้านบาททำตลาดในไทย สร้างศูนย์เทคนิคและฝึกอบรม ศูนย์กระจายอะไหล่และศูนย์ตรวจสภาพรถ รองรับการบริการหลังการขายในไทย
บริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด (เดิม บริษัท อีวี ฮาลิโคนิค จำกัด) ผู้จัดจำหน่ายรถ SUV มัลติแบรนด์ แห่งแรกของไทย แถลงข่าวเปิดตัวบริษัทอย่างเป็นทางการ หลังจากความสำเร็จของการเปิดแบรนด์แรก DFSK หรือ DONGFENG ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 2 ของจีน พร้อมเสริมทัพปีนี้ด้วย รถยนต์ไฟฟ้า แบรนด์ SERES ต่อเป็นแบรนด์ที่ 2 เตรียมเปิดรถยนต์ อีวี อีกอย่างน้อย 3 รุ่น ในช่วง 2 ปีข้างหน้า และ เพิ่มเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ครบ 30 แห่ง เสริมศักยภาพในการบริการหลังการขาย
นายพิทยา ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ อีวี ไพรมัส เปิดเผยว่าบริษัทฯ เดินหน้าตามวิสัยทัศน์ ที่ว่าจะเป็นผู้เชื่อมต่อระหว่างผู้ผลิตรถยนต์นวัตกรรมสูงจากทั่วโลกกับผู้บริโภคชาวไทย เสริมด้วยการจำหน่ายและบริการที่เพรียบพร้อม โดยขณะนี้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ SUV เครื่องสันดาป แบรนด์ DFSK แต่ผู้เดียวในประเทศไทย และได้ทำการเปิดตัวรถ SUV เครื่องสันดาป ไปแล้ว 2 รุ่นคือ DFSK GLORY i-Auto และ DFSK GLORY 560
ปัจจุบัน รถยนต์ แบรนด์ DFSK มีผู้จำหน่ายพร้อมศูนย์บริการมาตรฐาน 15 แห่ง ครอบคลุมการบริการได้กว่า 30 จังหวัด ในปีนี้ ทางบริษัทจะทำตลาดรถยนต์ SUV แบรนด์ DFSK ภายใต้แนวคิด New Normal SUV หรือ “ชีวิตวิถีใหม่ที่ใช่ในแบบของคุณ” ตอกย้ำความเป็น รถยนต์ SUV ที่เน้นความคุ้มค่า ในราคารถยนต์ซีดาน พร้อมตั้งเป้ายอดขายรถยนต์สันดาปทั้งสองรุ่น จำนวน 1,000 คันในปีนี้
ล่าสุด อีวี ไพรมัส ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของรถยนต์ไฟฟ้า แบรนด์ SERES แต่ผู้เดียวในประเทศไทย
นายพิทยา กล่าวว่านอกจากแบรนด์ DFSK และ SERES แล้วบริษัทฯ ยังเปิดกว้างที่จะเป็นผู้จัดจำหน่ายจำหน่ายรถยนต์ SUV จากผู้ผลิตรายอื่นจากทั่วทุกมุมโลก โดยรถที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย จะต้องเป็นรถที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับสูง และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนไทยเพื่อเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าของผู้บริโภคชาวไทย
“เราเน้นไปที่รถ SUV เพราะถือเป็นตลาดรถที่มีอัตราเติบโตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา และอัตราเติบโตนี้จะยังคงมีอย่างต่อเนื่องในอนาคต” นายพิทยา กล่าว
ภายใต้แผนการดำเนินธุรกิจของ อีวี ไพรมัส นายพิทยากล่าวว่าบริษัทฯ จะชูกลยุทธ์ Study (ศึกษาตลาด) Screen (คัดกรองและวางสเป็ค) และ Select (สรุปเลือกผลิตภัณฑ์) ในการคัดสรรแบรนด์และรุ่นรถยนต์ที่จะนำมาทำตลาดในไทย โดยเน้นรถยนต์ที่เปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า ที่สอดคล้องกับกระแสความต้องการใช้รถยนต์ทั่วโลกในขณะนี้
การเปิดตัวแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า SERES ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ ที่นำผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพพร้อมเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของลูกค้าชาวไทย อีกทั้งยังสอดคล้องกับความตื่นตัวในตลาดรถ EV กำลังขึ้นสู่กระแสสูง โดยทางบริษัทฯ ได้เตรียมพร้อมที่จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย อย่างน้อย 3 รุ่นในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยเตรียมแนะนำรถ SERES จำนวน 2 รุ่นแรกในประเทศไทย คือ SERES 3 และ SERES 5 ภายในปีนี้
“การเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ๆ และแบรนด์ใหม่ ๆ ทำให้เรามีรถยนต์ครบทั้งแบบเครื่องยนต์สันดาปภายในและรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ในขณะเดียวกันการขยายตัวแทนจำหน่ายที่กระจายจุดขายและบริการหลังการขายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ จะเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างรากฐานที่มั่นคงในการทำตลาดระยะยาวในไทย” นายพิทยา กล่าว
นายพิทยา กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาเครือข่ายการจัดจำหน่ายและบริการหลังการขายว่าภายในปีนี้ บริษัทฯ จะขยายดีลเลอร์จากปัจจุบัน 15 แห่งครอบคลุมมากกว่า 30 จังหวัด มาเป็น 30 แห่งและสามารถครอบคลุมการขายและบริการหลังการขายได้ครอบคลุมมากกว่า 50 จังหวัดทั่วประเทศ นอกจากนี้ อีวี ไพรมัส ยังอยู่ระหว่างการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรเพิ่มเติมในด้านต่าง ๆ เพื่อเสริมความแข็งแรงและเสริมศักยภาพในการทำตลาดในประเทศไทยให้เป็นไปตามเป้าหมายของบริษัทฯ
สำหรับการลงทุน นายพิทยา กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ลงทุนไปกว่า 80 ล้านบาท ในการทำตลาดรถยนต์ในประเทศไทย มีการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม (Technical and Training Center) ศูนย์กระจายชิ้นส่วนและอะไหล่ขนาดใหญ่ (Spare Parts Distribution Center) และศูนย์ตรวจสภาพรถหรือ PDI & Service Hub บนพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ ย่านรังสิต เพื่อสร้างความมั่นใจต่อการให้บริการหลังการขายแก่ผู้บริโภคชาวไทย
“เราลงทุนครั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับลูกค้าเราว่าเราจะสามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างยั่งยืนและเพื่อเป็นหลักประกันว่าการรับประกัน 5 ปีของรถทุกคันของเรา สามารถทำได้จริงอย่างแน่นอน อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในบริการหลังการขายของ DFSK และ SERES เพื่อเราเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในไทย” นายพิทยา กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: 24 คูณ 7