ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เข้ามาเป็นซัพพลายเออร์เครื่องยนต์ Moto2™ เมื่อปี 2019 ด้วยการปรับระบบเกียร์แข่งใหม่ โดยย้ายตำแหน่งเกียร์ว่างไปไว้ด้านบนสุดของลำดับเกียร์และล็อกไว้ เพื่อให้นักแข่งสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างราบรื่นและต่อเนื่องโดยไม่ต้องผ่านเกียร์ว่างระหว่างการแข่งขัน
เครื่องยนต์ไทรอัมพ์สามสูบ 765 ซีซี ที่ใช้ใน Moto2™ เดิมพัฒนามาจากเครื่องยนต์โปรดักชันมาตรฐานที่มีเกียร์ว่างอยู่ระหว่างเกียร์หนึ่งและเกียร์สอง ทำให้นักแข่งต้องเปลี่ยนผ่านเกียร์ว่างในบางจังหวะ แต่สำหรับฤดูกาล 2025 นี้ ไทรอัมพ์ได้ออกแบบชิ้นส่วนใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะ selector drum ที่ได้รับการออกแบบร่องทางเดินเกียร์ใหม่ ซึ่งกลึงขึ้นด้วยเทคนิค Billet Machining เพื่อความแม่นยำสูงสุด
นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบล็อกเกียร์ว่างทางกลไก (mechanical neutral lockout) ที่ทำงานเฉพาะเมื่อผู้ขี่ต้องการใช้งาน ทำให้สามารถเปลี่ยนเกียร์หนึ่งถึงเกียร์หกได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีอุปสรรค สำหรับการใช้เกียร์ว่างในพิทเลนหรือช่วงออกสตาร์ท นักแข่งสามารถปลดล็อกระบบได้ด้วยตัวเอง
มร. สตีฟ ซาร์เจนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ กล่าวว่า “นับตั้งแต่การเป็นซัพพลายเออร์เครื่องยนต์ Moto2™ อย่างเป็นทางการ ไทรอัมพ์ได้มุ่งมั่นพัฒนาและปรับปรุงเครื่องยนต์มาอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ ขยายขีดจำกัดรอบเครื่อง และล่าสุดการปรับลำดับเกียร์ใหม่เพื่อให้การขับขี่ในสนามแข่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
ด้าน มร.อิกรา ฮามิด วิศวกรออกแบบอาวุโส เผยว่า “ในฤดูกาลนี้ ไทรอัมพ์ได้ยกระดับสมรรถนะอีกขั้นด้วยระบบเปลี่ยนเกียร์แข่งที่ออกแบบใหม่ โดยก่อนหน้านี้ ระบบเกียร์ของ Moto2™ พัฒนาจากโครงสร้างเครื่องยนต์สำหรับถนนทั่วไป ถึงแม้ว่าจะสามารถทำลายสถิติความเร็วได้ในทุกปี แต่ไทรอัมพ์ยังมองเห็นโอกาสในการพัฒนาด้านวิศวกรรมเพิ่มเติม สำหรับการยกระดับเครื่องยนต์ Moto2™ ฤดูกาล 2025 นี้ ได้รับการออกแบบและทดสอบมาเป็นเวลากว่าหนึ่งปี โดยระบบเกียร์ใหม่จะช่วยให้นักแข่งสามารถดึงศักยภาพของเครื่องยนต์ออกมาได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้นักแข่งบรรลุชัยชนะซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการแข่งขัน”
มร.คาร์ลอส เอสเปเลต้า ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการกีฬา ดอร์น่า สปอร์ต กล่าวปิดท้ายว่า “ไทรอัมพ์ได้สร้างสถิติใหม่อย่างต่อเนื่องในรายการ Moto2™ การอัปเดตระบบเกียร์ใหม่ครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ถึงความทุ่มเทของไทรอัมพ์ และแสดงให้เห็นว่าการแข่งขันระดับ MotoGP™ เปรียบเสมือนห้องทดลองเทคโนโลยี เรามั่นใจว่านักแข่งจะชื่นชอบการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้และจะช่วยให้การแข่งขันเข้มข้นมากยิ่งขึ้น”