ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก การ์ทเนอร์ได้เผยแนวโน้มสำคัญที่จะส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมนี้ในปี 2568 โดยมีปัจจัยหลักจากการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและความท้าทายด้านภูมิรัฐศาสตร์
เปโดร ปาเชโก รองประธานฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ ชี้ว่าซอฟต์แวร์และการใช้พลังงานไฟฟ้ายังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการเปลี่ยนแปลง แต่ผู้ผลิตรถยนต์จะต้องเผชิญความไม่แน่นอนจากกฎระเบียบการปล่อยมลพิษและความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนกับชาติตะวันตก โดยเฉพาะในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่ายอดจัดส่งรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโต 17% ในปี 2568 และภายในปี 2573 รถยนต์ไฟฟ้าจะมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งของรถยนต์ใหม่ทั้งหมดในตลาด อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์อาจส่งผลให้การพัฒนาเทคโนโลยี CASE (Connected, Autonomous, Software, Electric) ในสหรัฐฯ และยุโรปล่าช้าลง
ผู้ผลิตรถยนต์จีนมีความได้เปรียบด้านซอฟต์แวร์และระบบพลังงานไฟฟ้า แต่อุปสรรคทางการค้าที่เพิ่มขึ้นอาจบั่นทอนข้อได้เปรียบนี้ ส่งผลให้ผู้ผลิตชิ้นส่วน OEM หลายรายต้องขยายความร่วมมือกับผู้ผลิตจีนเพื่อเข้าถึงเทคโนโลยีที่จำเป็น
นอกจากนี้ ปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินในยุโรปและอเมริกาเหนือ ประกอบกับการเพิ่มอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีน อาจนำไปสู่การปิดโรงงานผลิตรถยนต์หลายแห่งและการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีต้นทุนต่ำกว่า ซึ่งจะเป็นการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก Cop