บริษัท เจนตารี (Gentari) ผ่านทางบริษัทในเครือ Gentari Green Mobility Sdn Bhd ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญในประเทศไทย เพื่อขยายธุรกิจและสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ผ่านการดำเนินงาน 2 ด้าน ได้แก่ การเปิดตัวแอปพลิเคชัน ‘Gentari Go’ ร่วมกับ Evolt Technology ผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของไทย เพื่อให้ผู้ใช้รถ EV เข้าถึงสถานีชาร์จได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยแอปพลิเคชันนี้รองรับการค้นหา เปิดใช้งาน และชำระเงินสำหรับสถานีชาร์จได้ทันที พร้อมฟีเจอร์แสดงข้อมูลการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์ ครอบคลุมสถานีชาร์จกว่า 2,800 แห่งในไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยสถานีชาร์จตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เช่น ปั๊มน้ำมัน ศูนย์การค้า และศูนย์การแพทย์
นอกจากนี้ ยังได้จับมือกับบริษัท ไทยอีวี จำกัด (ThaiEV) จัดตั้งบริษัทร่วมทุน Gentari Mobility Co Ltd (GMCL) เพื่อให้บริการ Vehicle-as-a-Service (VaaS) ในประเทศไทย พร้อมระบบบริหารจัดการยานพาหนะสำหรับองค์กรผ่าน ‘Gentari Go for Business’ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในเชิงพาณิชย์
Senthil Balan หัวหน้าฝ่ายธุรกิจร่วมทุนของ Gentari Green Mobility กล่าวว่า บริษัทสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการขยายระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มที่ สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทที่จะก้าวขึ้นเป็นพันธมิตรชั้นนำด้านการส่งเสริมการใช้ยานพาหนะเพื่อลดมลพิษในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
คุณพูนพัฒน์ โลหารชุน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของยานยนต์ไฟฟ้าทั่วประเทศ และขับเคลื่อนการใช้พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย
ขณะที่ คุณกิตติกรณ์ พินิจวงศ์วิทยา ซีอีโอ บริษัท ไทยอีวี จำกัด กล่าวว่า การร่วมทุนครั้งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพธุรกิจด้วยแพ็คเกจแบบครบวงจร มีประสิทธิภาพ และสร้างความสามารถในการแข่งขัน เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่รูปแบบการขนส่งที่ยั่งยืนในประเทศไทย
ความร่วมมือทั้งหมดนี้สอดคล้องกับแผนนโยบายพลังงาน 30@30 ของประเทศไทย ที่ตั้งเป้าให้ยานยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วนการตลาด 30% ในการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายในปี 2573 ครอบคลุมทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล รถบรรทุก และรถโดยสาร พร้อมด้วยการสนับสนุนจากเครือข่ายสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าอีก 12,000 แห่ง
เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัว Gentari Go ในครั้งนี้ บริษัทมอบโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ใช้งาน 1,000 รายแรก รับฟรีค่าชาร์จสูงสุด 200 บาท โดยไม่มีค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าอย่างยั่งยืนในภูมิภาค