เมื่อเร็ว ๆ นี้ มิชลิน ผู้นำในอุตสาหกรรมยางรถยนต์และผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมวัสดุคอมโพสิต ร่วมกับ เบรมโบ้ (Brembo) ผู้นำระดับโลกด้านการออกแบบ พัฒนา และผลิตสินค้าและโซลูชั่นด้านระบบเบรก ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือระดับโลกเพื่อพัฒนาต่อยอดโซลูชั่นอัจฉริยะ (Intelligent Solutions) ของทั้งสองฝ่ายให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ โดยมุ่งยกระดับสมรรถนะยานยนต์ ตลอดจนนำเสนอมาตรฐานความปลอดภัยและความสะดวกสบายขั้นสูงสุดให้กับผู้ขับขี่
ภายใต้ข้อตกลงร่วมพันธมิตรดังกล่าว มิชลิน และ เบรมโบ้ จะหลอมรวมความเชี่ยวชาญของแต่ละฝ่ายเข้าด้วยกัน ได้แก่ ความเป็นเลิศด้านระบบเบรก การจำลองแบบยานยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ของเบรมโบ้ และความเป็นผู้นำด้านการจำลองแบบยางล้อและการพัฒนาขั้นตอนชุดคำสั่ง หรือ “อัลกอริทึม” (Algorithm) ของมิชลิน
ทั้งนี้ นวัตกรรมที่พัฒนาร่วมกันตั้งอยู่บนพื้นฐานของการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างต่อเนื่องแบบนาทีต่อนาที (Real Time) ระหว่างซอฟท์แวร์โซลูชั่นบนเครือข่ายเชื่อมต่อ (Connected Solutions Software) ของมิชลินที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลเกี่ยวกับการยึดเกาะพื้นถนนของยาง ไปยังนวัตกรรมระบบเบรก SENSIFY(R) ของเบรมโบ้ ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับยางที่ได้รับช่วยให้ทีมวิศวกรสามารถปรับแต่งระบบเบรกได้แม่นยำเป็นพิเศษ ส่งผลให้คุณสมบัติการทำงานของระบบเบรก SENSIFY(R) มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
โซลูชั่นบนเครือข่ายเชื่อมต่อที่ติดตั้งมากับยางมิชลินพัฒนาขึ้นจากความเชี่ยวชาญของกลุ่มมิชลินในด้านการสร้างแบบจำลองกายภาพของยางล้อและการจำลองการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ (Tire Physics Modelling and Simulation) โดยมิชลินได้นำความรู้ความชำนาญในการวิเคราะห์ข้อมูลยานยนต์แบบทันทีทันใด (Live Vehicle Data Analysis) มาใช้พัฒนาซอฟท์แวร์หลากรูปแบบที่สามารถส่งข้อมูลแบบนาทีต่อนาทีให้กับรถยนต์ อาทิ ข้อมูลการสึกหรอ (Michelin SmartWear), ข้อมูลน้ำหนักบรรทุก (Michelin SmartLoad) และข้อมูลการยึดเกาะพื้นถนน (Michelin SmartGrip) โดยซอฟท์แวร์ของมิชลินสามารถทำงานร่วมกับยางรถยนต์ทุกแบรนด์ได้
ระบบเบรก SENSIFY(R) ของเบรมโบ้ ถือเป็นมาตรฐานใหม่ของระบบเบรกซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อยานยนต์รุ่นใหม่ที่ทันสมัย ระบบเบรกรุ่นนี้มีทั้งความยืดหยุ่น ความสามารถในการรองรับยานยนต์หลากขนาด และศักยภาพในการปรับเปลี่ยนดัดแปลงให้เหมาะสม จึงใช้งานร่วมกับยานยนต์ทุกรุ่นได้ง่าย นอกจากนี้ ระบบเบรก SENSIFY(R) ยังผสานชิ้นส่วนระบบเบรกซึ่งได้รับการยอมรับระดับโลกของเบรมโบ้ เข้ากับสมองดิจิทัล (Digital Brain) ที่ช่วยยกระดับปัญญาประดิษฐ์ (AI), ขั้นตอนชุดคำสั่ง (Algorithm) และระบบเซ็นเซอร์ ให้สามารถควบคุมยางล้อแต่ละเส้นได้อย่างอิสระ ส่งผลให้ระบบเบรกดังกล่าวเป็นหนึ่งในระบบเบรกที่ทันสมัยที่สุดซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับและความปลอดภัยที่ดียิ่งกว่า
การทดสอบเบื้องต้น…ทั้งที่จัดทำในโลกเสมือนและบนสนามทดสอบจริง…ให้ผลที่น่าพอใจ โดยระยะแรกของการทดสอบเป็นการนำยางล้อรุ่นต่าง ๆ และขั้นตอนชุดคำสั่งของมิชลินมาบูรณาการเข้ากับการจำลองแบบยานยนต์และระบบเบรกอัจฉริยะของเบรมโบ้ในสภาพแวดล้อมเสมือนอย่างเต็มรูปแบบ ส่วนในระยะที่สองเป็นการทดสอบทางกายภาพบนสนามทดสอบจริง ณ ศูนย์วิจัยของมิชลิน ซึ่งผลการทดสอบยืนยันผลลัพธ์ที่ได้จากการจำลองแบบด้วยคอมพิวเตอร์
ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าระยะเบรกลดลงสูงสุดถึง 4 เมตร (ราว 13 ฟุต)* ขณะที่ระบบเบรก ABS ทำงาน โดยการทดสอบใช้ยางรุ่นเดียวกันในสภาพการขับขี่หลากรูปแบบ ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าน่าประทับใจมากเพราะระยะ 4 เมตรนั้นใกล้เคียงกับความยาวเฉลี่ยของรถหนึ่งคันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ระบบเบรกยังตอบสนองได้เร็วขึ้น ลดอาการล้อหมุนฟรี เพิ่มเสถียรภาพทางด้านข้าง และไม่มีอาการล้อล็อก ปัจจัยเหล่านี้ส่งเสริมให้เกิดประสบการณ์การขับขี่ที่ราบรื่นและสะดวกสบายมากขึ้น
แซร์จ ลาฟง (Serge Lafon) ประธานสายงานธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์อะไหล่แท้สำหรับยานยนต์ของมิชลิน กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ผนึกกำลังกับเบรมโบ้ ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำในอุตสาหกรรมระบบเบรก ความหลงใหลในเรื่องนวัตกรรมและความเป็นเลิศที่มีร่วมกันจะผลักดันให้มิชลินและเบรมโบ้สามารถมอบความปลอดภัยที่เหนือกว่าอีกระดับให้กับผู้ใช้งาน สำหรับมิชลิน…เป้าหมายหลักของเราคือการช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานยางได้นานเท่าที่จะเป็นไปได้โดยไม่ต้องกังวล ซึ่งนั่นเท่ากับช่วยรักษากำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจและปกป้องสิ่งแวดล้อม ปัจจุบัน มิชลินเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล โดยการพัฒนาซอฟท์แวร์และระบบจำลองการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามการทำงานของยางแบบนาทีต่อนาที การร่วมมือกับเบรมโบ้จะนำไปสู่การสร้างสรรค์โซลูชั่นใหม่ที่แตกต่างสำหรับยานยนต์แห่งอนาคต ซึ่งทุกวันนี้บรรดาค่ายผู้ผลิตรถยนต์ได้พัฒนาขึ้นแล้ว”
แดเนียล สกิลลาชี (Daniele Schillaci) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเบรมโบ้ กล่าวเสริมว่า “สำหรับเบรมโบ้ เราเชื่อมั่นในพลังของเทคโนโลยีและ AI เราเป็นองค์กรที่ผสานศักยภาพของซอฟท์แวร์เข้ากับความเชี่ยวชาญและความรู้ความชำนาญเฉพาะตัวในด้านชิ้นส่วนยานยนต์ประเภทชุดก้ามเบรก หรือ ‘คาลิเปอร์’ (Calipers) ตลอดจนวัสดุที่ใช้ในการผลิตเนื้อผ้าเบรกและจานดิสก์เบรก ระบบเบรก SENSIFY(R) ถือเป็นมาตรฐานใหม่ในการเบรกที่มุ่งตอบสนองวิสัยทัศน์เรื่องการลดจำนวนอุบัติเหตุทางถนนให้เป็นศูนย์ (Zero Accident Vision) ความร่วมมือกับมิชลินครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังของความร่วมมือและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมยานยนต์”
*การทดสอบระบบเบรกจัดทำขึ้นบนสนามทดสอบ ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาของมิชลิน ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองลาดูซ์ (Ladoux) ประเทศฝรั่งเศส เป็นเวลามากกว่า 17 วัน ระหว่างวันที่ 30 กันยายน ถึง 29 ตุลาคม 2567 โดยใช้รถยนต์รุ่นและประเภทเดียวกัน 2 คันในการทดสอบ คันหนึ่งติดตั้งระบบเบรก SENSIFY(R) ของเบรมโบ้ และเทคโนโลยีจาก Michelin Solutions ขณะที่อีกคันใช้ระบบเบรก ABS ตามมาตรฐาน
ข้อกำหนดการทดสอบมาตรฐานครอบคลุมการทดสอบซ้ำหลายครั้งบนสนามทดสอบทั้งแห้งและเปียก (ควบคุมระดับน้ำอยู่ที่ 0.8 มิลลิเมตร) โดยใช้ยางหลากหลายสภาพ ได้แก่ ยางใหม่, ยางใกล้หมดดอก (ความลึกดอกยางเหลือ 2 มิลลิเมตร), ยางที่มีระดับแรงดันลมยางตามที่กำหนด และยางที่มีระดับแรงดันลมยางต่ำกว่ากำหนด ยางที่นำมาใช้ในการทดสอบคือยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต’ (MICHELIN Pilot Sport) และยาง ‘มิชลิน ไพลอต อัลพิน’ (MICHELIN Pilot Alpin) โดยขับทดสอบที่ความเร็วระดับต่าง ๆ ได้แก่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง, 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง, 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แม้ว่าการทดสอบระบบเบรกและเทคโนโลยีจาก Michelin Solutions จะจัดทำโดยใช้ยางมิชลินเท่านั้น แต่โซลูชั่นดังกล่าวสามารถใช้กับยางแบรนด์อื่นได้เช่นกัน