การเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยกำลังส่งผลกระทบเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม ตามรายงานของเจแอลแอล (JLL) บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก
ประเด็นสำคัญมีดังนี้:
- มูลค่าตลาด: คาดการณ์ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม EV ในไทยจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 220,000 ล้านบาท (6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในปี 2573
- นโยบายภาครัฐ: นโยบาย “30@30” ของรัฐบาลไทยที่ตั้งเป้าให้รถยนต์ที่ผลิตในประเทศ 30% เป็นรถไฟฟ้าภายในปี 2573 เป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ภาคอุตสาหกรรม
- การลงทุนจากต่างประเทศ: การลงทุนจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนและญี่ปุ่นกว่า 199,000 ล้านบาท ส่งผลให้เกิดความต้องการพื้นที่อุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น
- ความต้องการพื้นที่: เพื่อบรรลุเป้าหมายการผลิตแบตเตอรี่ 34 GWh ภายในประเทศ จำเป็นต้องมีพื้นที่สำหรับการผลิตและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น
- การวิจัยและพัฒนา: ความสำคัญของการวิจัยและพัฒนาในอุตสาหกรรม EV นำไปสู่ความต้องการโครงการอสังหาริมทรัพย์เฉพาะทางที่รองรับเทคโนโลยีขั้นสูง
- การขยายตัวของห่วงโซ่อุปทาน: การเติบโตของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น ซอฟต์แวร์ AI เทคโนโลยีแบตเตอรี่ และการผลิตชิ้นส่วน ส่งผลให้เกิดความต้องการพื้นที่อุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมเพิ่มขึ้น
- โอกาสในอนาคต: การลงทุนในด้านการผลิต การวิจัยและพัฒนา และอสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ในระบบนิเวศ EV จะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในระยะยาว
สรุปแล้ว การเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยกำลังสร้างโอกาสและความท้าทายใหม่ ๆ ให้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต