- พิธีตั้งศิลาฤกษ์จัดขึ้นโดยมีตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนร่วมเป็นเกียรติในพิธี นำโดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง การนิคมอุตสาหกรรมประเทศไทย และผู้บริหารคอนติเนนทอล
- การลงทุนขยายโรงงานครั้งนี้จะเพิ่มกำลังการผลิตยางรถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคลและรถบรรทุกขนาดเล็ก เพื่อรองรับความต้องการของตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกา
- โครงการดังกล่าวถือเป็นการขยายโรงงาน เฟสที่ 2 มีพื้นทั้งหมด 35,000 ตารางเมตร และมีแผนติดตั้งเทคโนโลยีการผลิตยางล้ำสมัยจากเยอรมนี พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในการปฏิบัติการ
คอนติเนนทอล บริษัทผู้นำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยียางรถยนต์ระดับโลกจากเยอรมนี จัดพิธีตั้งเสาเข็มเพื่อฉลองการเริ่มต้นก่อสร้างโครงการขยายโรงงานผลิตยางรถยนต์ ในจังหวัดระยอง โดยมีนายกัฬชัย เทพวรชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายกฤษฎา โชติวานิชกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่น้ำคู้ นายทรงศักดิ์ ชื่นตา ผู้อำนวยการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด 1-4 และผู้บริหารของคอนติเนนทอลเข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธี โครงการลงทุนในครั้งนี้จะขยายพื้นที่การผลิตของโรงงานในปัจจุบันเพิ่มขึ้นอีก 35,000 ตารางเมตร รวมทั้งสามารถเพิ่มกำลังการผลิตยางรถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคลและรถบรรทุกขนาดเล็กภายในปี 2572
โครงการขยายโรงงานผลิตยาง เฟสที่ 2 นี้ เกิดขึ้นหลังจากการลงทุนก่อตั้งโรงงานเริ่มแรกจำนวน 250 ล้านยูโรในปี 2560 เพื่อผลิตยางรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถบรรทุกขนาดเล็ก และตามด้วยการลงทุนจำนวน 26 ล้านยูโรในปี 2562 เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตยางรถจักรยานยนต์ การขยายโรงงานผลิต เฟสที่ 2 จะเพิ่มกำลังการผลิตยางรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถบรรทุกขนาดเล็ก เพื่อให้คอนติเนนทอลสามารถตอบสนองความต้องการผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ระดับพรีเมียมที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย รวมถึงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกา โรงงานแห่งนี้มีแผนติดตั้งเทคโนโลยีการผลิตยางที่ล้ำสมัยจากประเทศเยอรมนี เพื่อดำเนินการส่งมอบยางที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพสูงสุดให้แก่ลูกค้าทั่วโลก
“ด้วยการขยายโรงงานผลิตในครั้งนี้ เราจะสามารถเสริมสร้างและตอบสนองความต้องการของลูกค้าและพันธมิตรทั่วโลกของเราได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ผมรู้สึกตื่นเต้นและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมเดินทางและเป็นสักขีพยานในการเติบโตของคอนติเนนทอลในประเทศไทยพร้อมๆ กับพนักงานและลูกค้าของเรา” มร. คาเรล คูเซรา กรรมการผู้จัดการ คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) กล่าว
“การเริ่มต้นก่อสร้างโครงการขยายโรงงาน เฟสที่ 2 นี้เป็นอีกก้าวสำคัญในการดำเนินงานของเราในประเทศไทย และแสดงถึงความมุ่งมั่นของเราในการเติบโตในระยะยาว การสร้างโอกาสในการทำงาน และการผลิตยางรถยนต์ที่ควบคู่ไปกับความยั่งยืนการปฏิบัติการ” มร. วิกเนซ เดวาเสนาพาที ผู้จัดการโรงงาน คอนติเนนทอล ไทร์ส (ประเทศไทย) กล่าว “สิ่งนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อกลยุทธ์วิสัยทัศน์ 2030 ของคอนติเนนทอล เพื่อส่งมอบยางระดับพรีเมี่ยมให้กับลูกค้าของเราทั่วโลก”
โรงงานผลิตยางรถยนต์ระยอง ได้เริ่มผลิตยางรถยนต์ที่นั่งส่วนบุคคลและรถบรรทุกขนาดเล็กในปี 2562 และเริ่มผลิตยางรถจักรยานยนต์ในปี 2564 เพิ่งฉลองครบรอบ 5 ปีของโรงงานระยองและครบรอบ 15 ปีของการดำเนินธุรกิจยางรถยนต์ในประเทศไทย โรงงานระยองยังเป็นผู้ผลิตยางที่มีนวัตกรรมล่าสุดอย่าง MaxContactMC7 รวมทั้งยาง OE ให้แก่ลูกค้าอีกด้วย
นอกจากการเพิ่มกำลังการผลิตแล้ว หลังจากการก่อสร้างโครงการขยายโรงงานผลิตเสร็จสิ้น จะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่จำนวน 900 อัตรา เพื่อช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น คอนติเนนทอลยังมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการผลิตที่ยั่งยืน ผสมผสานกับเทคโนโลยีการผลิตอันทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนความปลอดภัย สุขภาวะความเป็นอยู่ที่ดี และการศึกษาสำหรับชุมชนท้องถิ่นในระยองอย่างต่อเนื่อง
คอนติเนนทอล ผู้พัฒนาเทคโนโลยีและเซอร์วิสรุ่นบุกเบิก ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2414 โดยมีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่ยั่งยืนและเชื่อมต่อถึงกันระหว่างผู้คนและผลิตภัณฑ์ ด้วยโซลูชั่นที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ อัจฉริยะ และมีราคาที่สามารถเข้าถึงได้ สำหรับยานพาหนะ เครื่องจักร การจราจร และการขนส่ง ในปี 2566 คอนติเนนทอลมียอดขาย 41.4 พันล้านยูโร และปัจจุบันมีพนักงานประมาณ 200,000 คนใน 56 ประเทศและตลาด
โซลูชั่นยางรถยนต์จากกลุ่มธุรกิจยางยนต์ ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยขึ้น ฉลาดขึ้น และยั่งยืนมากขึ้น กลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมี่ยมประกอบด้วยยางรถยนต์ ยางรถบรรทุก ยางรถโดยสาร ยางรถจักรยานยนต์ และยางพิเศษ ตลอดจนโซลูชั่นและบริการอัจฉริยะสำหรับกลุ่มยานพาหนะและร้านค้าปลีกยางรถยนต์ คอนติเนนทอลส่งมอบยางที่ประสิทธิภาพสูงสุดมานานกว่า 150 ปี และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลก ในปีงบประมาณ 2566 กลุ่มธุรกิจยางยนต์ มียอดขาย 14 พันล้านยูโร และมีพนักงานมากกว่า 56,000 คนทั่วโลก และมีโรงงานผลิต จำนวน 20 แห่ง และศูนย์พัฒนาวิจัยอีก 16 แห่ง ทั่วโลก