“ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ไม่เคยหยุดเดินหน้า สานฝัน “คนไทย” สู่เวทีระดับโลก” ความนิยมของ “กีฬามอเตอร์สปอร์ต” ในประเทศไทย พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ปัจจัยสำคัญคือ การมี “ฮีโร่นักแข่งไทย” ผู้สร้างประวัติศาสตร์วงการมอเตอร์สปอร์ตไทยที่ทำได้กับการแข่งขันระดับโลก ที่ทำให้เราได้เฮและลุ้นกันติดจอไปกับ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ใน โมโตทู เวิลด์ แชมปี้ยนชิพ
ความสำเร็จเหล่านี้ ล้วนมีเบื้องหลังที่เข้มข้นมากมาย การสร้างนักกีฬาหนึ่งคนเพื่อก้าวสู่ระดับสูงสุดของโลกไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะใน “กีฬาความเร็ว” ที่ต้องสร้างพื้นฐานกันตั้งแต่ยังเด็ก พร้อมกับศูนย์ฝึกที่ได้มาตรฐาน บรรดาแชมป์โลกในระดับเวิล์ดกรังด์ปรีซ์ที่แฟนทั่วโลกรู้จักกัน ล้วนผ่านการเป็น “เด็กฝึก” ในอะคาเดมีมาแล้วทั้งนั้น และโครงสร้างเหล่านี้ ก็ทำให้ “อุตสาหกรรมมอเตอร์สปอร์ต” ในยุโรปมีความแข็งแกร่งอย่างมาก
“ไทยฮอนด้า” ผู้นำวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย สร้างโร้ดแม็ป “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” อย่างชัดเจนจากโครงสร้างที่ได้มาตรฐานในทุกขั้นตอนทุกระดับ รวมทั้งวิทยาศาสตร์การกีฬา นับตั้งแต่ “ฮอนด้า อะคาเดมี่ ไทยแลนด์” สำหรับนักแข่งอายุ 9-14 ปี เพื่อเรียนรู้พัฒนาทักษะการขับขี่ และความแข็งแกร่งของร่างกาย ถ่ายทอดประสบการณ์จากทีมโค้ชนักแข่ง “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ที่มากประสบการณ์จากการแข่งขันระดับแนวหน้า ก่อนก้าวสู่ความท้าทายในการแข่งขันรายการ “ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนท์ คัพ” เมื่อเติบโตขึ้นมีอายุระหว่าง 15-20 ปี และเด็กที่มีฝีมือจะถูกคัดเลือกไปแข่งขันที่รายการ “เอเชีย ทาเลนท์ คัพ” ก่อนจะผลักดันสู่ ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งมีปลายทางที่การแข่งขันระดับโลกเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ในรุ่นโมโตทรี (Moto3), โมโตทู (Moto2) และจุดสูงสุดคือ โมโตจีพี (MotoGP)
ผลผลิตปัจจุบัน “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา คือ “ฮีโร่นักแข่งไทย” ผู้สร้างประวัติศาสตร์วงการมอเตอร์สปอร์ตไทยคนแรกของไทยที่คว้าชัยชนะและโพเดียมที่ทำได้กับการแข่งขันระดับ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ซึ่งดวลความเร็วอยู่ในรุ่น โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน
ระหว่างเส้นทาง 6 ปี “ก้อง-สมเกียรติ” ต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้พร้อมทั้งด้านร่างกาย, จิตใจ และทักษะทุกด้าน เพราะไม่ง่ายเลยที่นักบิดจากเอเชีย จะปรับตัวได้อย่างรวดเร็วกับสนามแข่งในยุโรป ซึ่งแตกต่างจากสนามในไทยและเอเชียอย่างสิ้นเชิง เมื่อเทียบกับ “นักบิดสเปน-อิตาลี” ที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ทั้งสภาพอากาศ และแข่งในสนามเหล่านั้นมาตั้งแต่เด็ก จึงเห็นได้ชัดว่า “นักบิดจากเอเชีย” มีความเสียเปรียบในจุดนี้พอสมควร
อย่างไรก็ดี ในปี 2022 “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ได้ตอกย้ำความสำเร็จ “ก้อง-สมเกียรติ” สร้างประวัติศาสตร์ภาคภูมิใจของประเทศไทยบนเวทีโลกด้วยคว้าชัยชนะครั้งแรกใน โมโตทู ที่ อินโดนีเซีย ซึ่งในปีนั้นเองเขาคว้ามาได้ทั้งสิ้น 4 โพเดียม ก่อนจะยกระดับตัวเองอย่างต่อเนื่อง จนรั้งอันดับ 6 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ โมโตทู 2023
แต่ทุกอย่างไม่ใช่งานง่าย… ฤดูกาล 2024 นักบิดแถวหน้าหลายคนเจอปัญหาในการปรับตัว เมื่อเปลี่ยนยางผู้สนับสนุน แน่นอนว่า “ก้อง-สมเกียรติ” ยอดนักบิดไทยเจ้าของรถแข่งหมายเลข 35 จาก อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ยังคงทุ่มเทและพยายามอย่างเต็มที่ รวมถึงการทำงานของทีมช่างที่ต้องหาข้อมูลเซ็ตติ้งร่วมกันอย่างหนัก เพื่อส่งสัญญาณที่ดีในการสู้ศึกทำผลงานที่ดีที่สุดตอบแทนกำลังใจของแฟนๆ ที่เชื่อมั่นส่งแรงใจเชียร์ตลอดมา และรวมทั้งสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในโฮมเรซ ThaiGP2024 ที่จะถึงนี้
ขณะเดียวกันในฤดูกาล 2024 นี้ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ยังคงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยที่มีนักบิดไทยลงแข่งขันแบบเต็มฤดูกาล 2 คลาสใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ โดยมี “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี ดาวรุ่งชาวไทยอีกคน ที่ถูกผลักดันขึ้นสู่การแข่งขันระดับ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ เป็นปีแรก ในรุ่น “โมโตทรี” ด้วยรถแข่งหมายเลข 5 จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย หลังสั่งสมประสบการณ์จากรายการ “จูเนียร์จีพี” และ “โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ” ซึ่งขณะนี้ยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อเรียนรู้การเดินทางในศึกระดับ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์
“ไทยฮอนด้า” ยังคงมุ่งทำตามโร้ดแม็ป ไม่ปล่อยให้ไลน์อัพในระดับ “จูเนียร์” ว่างลง หลังจากที่ “ข้าวกล้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร เด็กฝึกชาวไทยวัย 17 ปี ได้รับคัดเลือกเข้าสู่ “จูเนียร์ ทาเลนต์ ทีม” ของ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ในปี 2024 โดย “ข้าวกล้อง” กำลังเก็บเกี่ยวประสบการณ์งานแข่งขันระดับจูเนียร์ ทั้งในรายการ “จูเนียร์จีพี” และ “โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ” เพื่อเดินตามรอยของนักบิดรุ่นพี่ ในการก้าวขึ้นสู่ “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์” ต่อไป
พร้อมกันนี้ “ไทยฮอนด้า” ยกระดับนักบิดสู่ระดับโลกอย่างต่อเนื่อง สร้าง “The Next Successor To Become The World Class Riders” ส่ง 3 นักบิดดาวรุ่งไทยอย่าง “ออสติน” ธนฉรรต ประทุมทอง หมายเลข 5 พร้อมด้วย “จิมมี่” บูรพา วันมูล หมายเลข 10 และ “ไม้คิว” เกียรติศักดิ์ สิงหพงษ์ หมายเลข 20 เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ มุ่งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ปูทางสู่ระดับโลกตามรอยรุ่นพี่ ที่กำลังลงประชันฝีมือในการแข่งขันรายการ “อิเดมิตซึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2024” ซึ่งจัดโดยดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ และผู้จัดการแข่งขัน รถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี เพื่อเปิดโอกาสให้นักบิดเยาวชนที่มีความสามารถมากที่สุดในเอเชียและโอเชียเนียได้ลงแข่ง และเรียนรู้บนเส้นทางสู่ MotoGP(TM) ด้วยรถแข่ง Honda NSF250R Moto3 ซึ่งสิ่งนี้ก็จะเกิดขึ้นในสนามโฮมเรซฤดูกาล 2024 นี้เช่นกัน
ด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” สร้างนักบิดระดับเยาวชนฝีมือดีและมีวินัยมากมาย ป้อนเข้าสู่ไลน์อัพในแต่ละระดับของการแข่งขัน…และนี่คือโมเดลสำคัญ ที่จะสานฝันคนไทยให้เป็นจริง กับการมี “ฮีโร่นักแข่งไทย” ในกีฬามอเตอร์สปอร์ตระดับเวิลด์คลาสอย่างแท้จริง!
เมื่อคุณอ่านมาถึงตรงนี้… ทุกความทุ่มเท… “ฮอนด้า ชวนเชียร์นักบิดไทย คว้าชัย ThaiGP 2024” ในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก ประจำปี 2567 “PT Grand Prix of Thailand 2024” ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ในวันที่ 25-27 ตุลาคม 2567 นี้ สามารถจับจองที่นั่ง “จันทรา สแตนด์” พร้อมรับ คอลเลกชั่นพิเศษ ก้อง สมเกียรติ หรือ “ฮอนด้า สแตนด์” เพื่อรวมส่งกำลังใจให้นักบิดไทยทำผลงานดีที่สุดไปด้วยกัน พร้อมรับ Cheering Kit พิเศษมูลค่ารวมกว่า 800,000 บาท” ประกอบด้วย เสื้อยืด Collection ก้อง สมเกียรติ, หมวก, กระเป๋า, กระบองลม และพัด ทุกที่นั่ง
แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตชาวไทย ส่งกำลังใจเชียร์พร้อมติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวนักบิดฮอนด้าทุกคน ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ : Race to The Dream