- บริดจสโตนได้รับการรับรองตามแนวทางการกำหนดเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ (Science Based Target: SBT) ภายใต้โครงการกำหนดเป้าหมายโดยอิงหลักทางวิทยาศาสตร์ (Science Based Targets initiative: SBTi) ด้วยเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในปี พ.ศ. 2573
- บริดจสโตนกำลังมุ่งสู่การบรรลุกรอบการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งเชื่อมโยงระหว่างกิจกรรม
ด้านความยั่งยืนและธุรกิจ เพื่อสนับสนุนความเป็นกลางทางคาร์บอนและเศรษฐกิจหมุนเวียนตลอดทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่า - ความมุ่งมั่นดังกล่าวสอดคล้องกับ “Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน)”
ซึ่งสนับสนุนให้บริดจสโตนก้าวไปสู่การเป็นองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืน
บริดจสโตน คอร์ปอเรชั่น ได้รับการรับรองจากโครงการกำหนดเป้าหมาย โดยอิงหลักทางวิทยาศาสตร์ (SBTi) *1 ด้วยเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายในปี พ.ศ. 2573 ซึ่งกำหนดโดยกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนทั่วโลก (บริดจสโตน) *2
SBTi ให้การรับรองแก่บริษัทที่กำหนดเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ (Science Based Target: SBT) ด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวครอบคลุมระยะเวลา 5 – 10 ปี และเป็นไปตามระดับที่กำหนดโดยความตกลงปารีส (Paris Agreement) *3
ความมุ่งมั่นของบริดจสโตนในครั้งนี้สอดคล้องกับคุณค่า “ด้าน Energy (พลังงาน) ด้วยการตระหนักถึงสังคมแห่งการเดินทาง ตั้งเป้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน”, “ด้าน Ecology (สิ่งแวดล้อม) ด้วยการตอบโจทย์ความยั่งยืนอย่างแท้จริงเพื่อสิ่งแวดล้อม” และ “ด้าน Economy (เศรษฐกิจ) ด้วยการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจให้ทะยานไปได้สุด” ซึ่งอยู่ใน “Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน)” *4
บริดจสโตนได้รับการรับรองตามแนวทาง SBT ด้วยเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ระยะกลางภายในปี พ.ศ. 2573 (ขอบเขตที่ 1, 2 และ 3) ซึ่งเรากำลังดำเนินการตามเป้าหมายด้วยการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนควบคู่กับลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยเน้นที่ความสำคัญของการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างเร่งด่วนและจริงจัง ด้วยเหตุนี้ บริดจสโตนจึงปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานของกิจกรรมการผลิตอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนในขณะเดียวกัน เรามุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าและวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบไปจนถึงการจัดจำหน่าย รวมถึงการใช้ การใช้ซ้ำ ตลอดจนการรีไซเคิล บริดจสโตนยังคงรักษาระดับ A- หรือสูงกว่าจาก CDP *5 ในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่าบริดจสโตนได้แสดงความมุ่งมั่นอย่างจริงจังในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
บริดจสโตนกำหนดให้ความยั่งยืนเป็นแกนหลักในการบริหารงานและดำเนินธุรกิจ ทั้งยังมุ่งมั่นที่จะบรรลุวิสัยทัศน์ “สู่ปี พ.ศ. 2593 บริดจสโตนยังคงส่งมอบคุณค่าให้สังคมและลูกค้าในฐานะองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืน” เรากำลังมุ่งสู่การบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนและใช้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อรุดหน้าสู่กรอบการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยเชื่อมโยงระหว่างกิจกรรมด้านความยั่งยืนและธุรกิจเข้าไว้ด้วยกันตลอดทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าใน “การผลิตไปจนถึงการจัดจำหน่าย” “การใช้” และ “การหมุนเวียน” บนพื้นฐานของความเป็นผู้นำในด้านผลิตภัณฑ์ (Dan-Totsu Products)
ด้วย “Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน)” ซึ่งเป็นแกนหลักในการบริหารงานเพื่อยกระดับองค์กร บริดจสโตนจะมุ่งสู่การสร้างสรรค์สังคมที่ยั่งยืนด้วยการสร้างคุณค่าร่วมกับพนักงาน สังคม พันธมิตรทางธุรกิจ และลูกค้า เพื่อความยั่งยืนและการเติบโตทางธุกิจ
ตัวอย่างกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นรูปธรรมของบริดจสโตน มีดังนี้
ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
- การส่งเสริมโรงงานสีเขียวและโรงงานอัจฉริยะ (Green and Smart Factories)
ความมุ่งมั่นเชิงกลยุทธ์ระยะยาวของบริดจสโตนภายในปี พ.ศ. 2573 *6 ซึ่งได้ถูกประกาศไว้ เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565 ถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมโรงงานสีเขียวและโรงงานอัจฉริยะ (Green and Smart Factories) โดยบริดจสโตนมุ่งมั่นจัดหาแหล่งพลังงาน (ไฟฟ้า) ซึ่งมาจากพลังงานหมุนเวียนให้ได้มากกว่า 50% ภายในปี พ.ศ. 2566 และจัดหาพลังงานหมุนเวียน (ไฟฟ้า) ให้ได้ 100% ภายในปี พ.ศ. 2573 *7 บริดจสโตนได้เปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนสำหรับการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดที่ Bridgestone EMIA ในยุโรป รวมถึงโรงงานสี่แห่งในประเทศญี่ปุ่น (เมืองฮิโกเนะ เมืองชิโมโนเซกิ เมืองโทสุ และเมืองคิตะคิวชู) และโรงงานสองแห่งในประเทศจีน (เมืองเทียนจินและเมืองอู๋ซี) นอกจากนี้บริดจสโตนยังได้เริ่มใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้าที่โรงงานในประเทศไทย ประเทศสหรัฐอเมริกา และในยุโรปอีกด้วย
ยกระดับการส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
- พัฒนายางสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ด้วยเทคโนโลยี “ENLITEN(R)”
บริดจสโตนกำลังมุ่งมั่นพัฒนายางด้วยเทคโนโลยี ENLITEN *8 ซึ่งออกแบบมาเพื่อส่งมอบความพรีเมียมใหม่สำหรับยุคของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) และเพื่อส่งมอบความเหนือระดับทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและสมรรถนะการขับขี่ เทคโนโลยีดังกล่าวช่วยเพิ่มระยะทางการขับขี่และประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้าของรถ EV โดยช่วยลดแรงต้านการหมุนของยาง ในขณะเดียวกัน ยางที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยี ENLITEN ยังออกแบบให้เหมาะกับสมรรถนะของรถ EV ด้วย เช่น เทคโนโลยี ENLITEN ช่วยให้ยางมีน้ำหนักเบา หรือช่วยให้ยางมีอายุการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้เทคโนโลยี ENLITEN บริดจสโตนมุ่งมั่นสนับสนุนความปลอดภัยและความอุ่นใจในการเดินทาง ในขณะเดียวกันยังมีส่วนร่วมเป็นอย่างยิ่งในด้านความยั่งยืนด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร
- ต่อยอดโซลูชั่นเพื่อการเดินทาง
บริดจสโตนส่งมอบโซลูชั่นเพื่อการเดินทางซึ่งยืดอายุการใช้งานของยานพาหนะให้ยาวนานยิ่งขึ้น โดยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อประเมินประสิทธิภาพของยานพาหนะและการสึกหรอของยางในขณะเดียวกันยังให้การบริการเปลี่ยนยางและการดูแลรักษายางอย่างมีประสิทธิภาพแก่ลูกค้าหลากหลายกลุ่มด้วยกัน นอกจากนี้ยังมุ่งมั่นสนับสนุนความปลอดภัยและความอุ่นใจในการเดินทางให้กับลูกค้า บริดจสโตนกำลังพัฒนาและต่อยอดโซลูชั่นเพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านการใช้งานยางของลูกค้า โดยการช่วยเพิ่มประโยชน์และมูลค่าทางเศรษฐกิจ
- ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมกับคู่ค้าเพิ่มมากขึ้น
ในปี พ.ศ. 2564 บริดจสโตนได้ปรับปรุงบางส่วนของนโยบายการจัดซื้ออย่างยั่งยืนที่ใช้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงการปรับเปลี่ยนเพื่อกำหนดรูปแบบความคิดริเริ่มที่ดียิ่งขึ้นเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน นอกจากนี้บริดจสโตนยังจัดการอภิปรายเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าวสำหรับคู่ค้าในภูมิภาคต่างๆ ที่บริดจสโตนดำเนินธุรกิจ เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาเข้าใจนโยบายและกิจกรรมของบริดจสโตนอย่างแท้จริง ตามนโยบายดังกล่าวนี้ บริดจสโตนจะร่วมมือกับคู่ค้าเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตั้งแต่ต้นน้ำของห่วงโซ่อุปทาน
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาอ้างอิงจาก บริดจสโตน 3.0 (รายงานเชิงบูรณาการประจำปี พ.ศ. 2565) และรายละเอียดด้านความยั่งยืนบนเว็บไซต์บริดจสโตน *9
*1 โครงการกำหนดเป้าหมายโดยอิงหลักทางวิทยาศาสตร์ (Science Based Targets initiative: SBTi)
SBTi เป็นโครงการระดับโลกที่ช่วยให้ธุรกิจกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยอ้างอิงหลักทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของความตกลงปารีส (Paris Agreement) โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือกันระหว่างองค์กร Carbon Disclosure Project (CDP) เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระหว่างประเทศซึ่งสนับสนุนการเปิดเผยข้อมูลสิ่งแวดล้อม ได้แก่ องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (World Wide Fund for Nature Inc.), สถาบันทรัพยากรโลก (World Resources Institute) และข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact)
*2 เป้าหมายระยะสั้นที่ได้รับการรับรองโดย SBTi
https://www.bridgestone.com/responsibilities/environment/reduce_co2/operations/
*3 ความตกลงปารีส (Paris Agreement) เป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันทางกฎหมายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยเป้าหมายคือ ควบคุมอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม และพยายามควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับระดับอุณหภูมิก่อนยุคอุตสาหกรรม
*4 กลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนได้กำหนด “Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน)” เพื่อช่วยให้บรรลุวิสัยทัศน์: “สู่ปี พ.ศ. 2593 บริดจสโตนยังคงส่งมอบคุณค่าให้สังคมและลูกค้าในฐานะองค์กรผู้ส่งมอบโซลูชั่นอย่างยั่งยืน” ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนการบริหารควบคู่ไปกับการสร้างความไว้วางใจและน่าเชื่อถือให้กับคนรุ่นต่อไปในอนาคต “Bridgestone E8 Commitment (พันธสัญญา E8 ของบริดจสโตน)” ประกอบด้วยคุณค่า 8 ด้านของบริดจสโตนที่เริ่มต้นด้วยตัวอักษร “E” (ด้าน Energy (พลังงาน), ด้าน Ecology (สิ่งแวดล้อม),ด้าน Efficiency (ประสิทธิภาพ), ด้าน Extension (การเติบโต), ด้าน Economy (เศรษฐกิจ),ด้าน Emotion (ความรู้สึก), ด้าน Ease (ความสะดวกสบาย) และด้าน Empowerment (พลังทาง สังคม) ซึ่งกลุ่มบริษัทในเครือบริดจสโตนจะมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผ่านเจตจำนงและกระบวนการทำงานร่วมกับพนักงาน สังคม พันธมิตร และลูกค้า เพื่อสังคมที่ยั่งยืน
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bridgestone.com/corporate/news/pdf/2022030101.pdf
*5 Carbon Disclosure Project (CDP) เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระหว่างประเทศซึ่งรวบรวมและเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับองค์กร หรือเมืองต่างๆ ทั่วโลก จากความต้องการของนักลงทุนสถาบัน, บริษัท และองค์กรต่างๆ นั้น CDP จึงสนับสนุนให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปล่อยก๊าซเรือนกระจก การจัดการน้ำ และความใส่ใจสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ทั้งยังตรวจสอบและประเมินองค์กรดังกล่าวด้วย
*6 ความมุ่งมั่นเชิงกลยุทธ์ระยะยาวสู่ปี พ.ศ. 2573 – รายงานเชิงบูรณาการ Bridgestone 3.0 Journey- แผนกลยุทธ์ของบริดจสโตนสู่การเป็นองค์กรที่ยืดหยุ่นและประสบความสำเร็จ
*7 บริดจสโตนมุ่งมั่นจัดหาแหล่งพลังงาน (ไฟฟ้า) ซึ่งมาจากพลังงานหมุนเวียนให้ได้มากกว่า 50% ภายในปี พ.ศ. 2566 และจัดหาพลังงานหมุนเวียน (ไฟฟ้า) ให้ได้ 100% ภายในปี พ.ศ. 2573
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 2030 Long Term Strategic Aspiration – Bridgestone 3.0 Journey (หน้า 34)
*8 บริดจสโตนกำลังมุ่งมั่นพัฒนายางด้วยเทคโนโลยี ENLITEN สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.bridgestone.co.th/th/why-bridgestone/innovation/enliten
*9 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาอ้างอิงจากรายงานเชิงบูรณาการ Bridgestone 3.0 Journey (รายงานเชิงบูรณาการประจำปี พ.ศ. 2565) และรายละเอียดด้านความยั่งยืนบนเว็บไซต์ของบริดจสโตน
https://www.bridgestone.com/ir/library/integrated_report/index.html
https://www.bridgestone.com/responsibilities/index.html
เกี่ยวกับ บริดจสโตน ประเทศไทย
บริษัท บริดจสโตน คอร์ปอเรชั่น มีสำนักงานใหญ่ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ผู้นำระดับโลกด้านการเดินทางอย่างยั่งยืนพร้อมนำเสนอโซลูชั่นขั้นสูงสุด และสำหรับประเทศไทย บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด คือหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านการนำเข้า จัดจำหน่าย และทำการตลาดยางรถยนต์ภายใต้แบรนด์บริดจสโตน, ไฟร์สโตน และเดย์ตันแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เราได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้า, ผู้แทนจำหน่าย และพันธมิตรทางธุรกิจจากความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ยางรถยนต์ที่มาพร้อมกับคุณภาพด้านผลิตภัณฑ์ที่ได้ถูกพัฒนาให้เหมาะสมกับความต้องการและสภาพแวดล้อมในประเทศ เพื่อการส่งมอบคุณค่าให้แก่สังคมและลูกค้า บริดจสโตนมุ่งมั่นพัฒนาการเดินทาง, การใช้ชีวิต, การทำงาน และการพักผ่อนของผู้คน เพื่อสร้างสรรค์อนาคตของการเดินทางให้ยั่งยืน