ฟอร์ดประกาศความพร้อมส่งรถฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ เข้าร่วมการแข่งขัน SCORE International Baja 1000 ซึ่งเป็นหนึ่งในรายการที่มีเส้นทางหฤโหดที่สุดในโลก โดยฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ จะลงแข่งโดยใช้เชื้อเพลิงชีวภาพคาร์บอนต่ำเพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเชื้อเพลิงทางเลือกในสภาพเส้นทางที่สมบุกสมบันที่สุด
ทีมพัฒนารถยนต์สมรรถนะสูง ฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ ร่วมกับ เคลลี เรซซิ่ง ประเทศออสเตรเลีย ในการประกอบรถฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ที่พร้อมลุยสนามบาฮาโดยเฉพาะ และทำงานร่วมกับโลเวลล์ เรซซิ่ง ในประเทศสหรัฐอเมริกา ในการพัฒนาและเข้าร่วมการแข่งขันซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ โดยโลเวลล์ เรซซิ่ง ที่บริหารงานโดย แบรด โลเวลล์ แชมป์รายการออฟโรดหลายสมัย และได้รับยกย่องโดยหอเกียรติยศมอเตอร์สปอร์ตสายออฟโรด (Off-Road Motorsports Hall of Fame) จะเป็นหนึ่งในทีมงานออฟโรดที่สำคัญของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์
ฟอร์ด เรนเจอร์ เป็นแบรนด์ไอคอนระดับโลกของฟอร์ดมาอย่างยาวนาน รถคันนี้ผลิตและทดสอบในประเทศออสเตรเลีย จากนั้นจึงส่งไปยังสหรัฐเพื่อพัฒนาและทดสอบขั้นสุดท้าย ก่อนเข้าร่วมการแข่งขันที่ท้าทายความทนทานแบบเอนดูรานซ์ครั้งนี้ ไบรอัน โนแวค หัวหน้าทีมออฟโรด มอเตอร์สปอร์ต ของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ กล่าวว่า “การลงสนามแข่งรายการนี้ นับเป็นการต่อยอดความสำเร็จของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ที่ผ่านการทดสอบขับมาแล้วหลายแสนกิโลเมตร เพื่อท้าทายขีดจำกัดของรถรุ่นนี้ไปอีกขั้น”
“สนามบาฮา 1000 เต็มไปด้วยความท้าทาย และขึ้นชื่อเรื่องการเป็นสนามทดสอบความแข็งแกร่งสำหรับรถออฟโรด เราตื่นเต้นมากที่ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ จะเข้าร่วมแข่งขันในรายการสุดโหดนี้” ไบรอัน กล่าวเสริม
การแข่งขันบาฮา 1000 ซึ่งจัดขึ้นที่คาบสมุทรบาฮา แคลิฟอร์เนีย เป็นหนึ่งในรายการแข่งขันออฟโรดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก และดึงดูดผู้เข้าแข่งขันจากทั่วโลกที่กระหายจะพิชิตเส้นทางสุดโหดหินของภูมิประเทศแบบทะเลทราย และหน้าผาที่สูงชัน รวมถึงการขับไต่ขึ้นไปตามเนินทรายที่ลาดชัน
ในอดีต ฟอร์ด F-150 แร็พเตอร์ และฟอร์ด บรองโก ประสบความสำเร็จในการแข่งขันบาฮา 1000 มาแล้ว โดยรถกระบะฟอร์ดมีประวัติศาสตร์ที่น่าภูมิใจร่วมกับรายการนี้มาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นรถฟอร์ด F-150 แร็พเตอร์ รุ่นปี 2017 ที่นอกจากจะจบการแข่งขันด้วยการครองโพเดียมแล้ว ยังโชว์ศักยภาพความอึดด้วยการเดินทางต่ออีก 400 ไมล์ กลับบ้านหลังการแข่งจบลง เช่นเดียวความประทับใจจากการลงสนามของรถแข่งต้นแบบ ฟอร์ด บรองโก อาร์ ซึ่งเป็นรถที่พัฒนาขึ้นเพื่อทดสอบสมรรถนะก่อนผลิตรุ่นที่วางจำหน่ายจริงในปัจจุบัน รวมถึงการแข่งขันของรถในตำนานอย่าง ฟอร์ด บรองโก รุ่นปี 1969 ที่คว้าชัยชนะคะแนนรวมมาแล้วในสนามนี้
ฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ เชื่อมั่นว่า เรนเจอร์ แร็พเตอร์ พร้อมแล้วสำหรับความท้าทายในรายการนี้ โดยรถคันนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นตามข้อกำหนดของผู้จัดงาน ในประเภทสต็อกคลาส ที่มุ่งโชว์สมรรถนะของรถกระบะที่ผลิตขึ้นเพื่อวางจำหน่ายให้แก่ลูกค้าทั่วไป
ตลอดการแข่งขันครั้งนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ จะใช้น้ำมันของเชลล์ที่ผสมเชื้อเพลิงชีวภาพในสัดส่วน 1 ต่อ 3 ที่ผลิตจากเอธานอลและไบโอแนปธา
ซินเธีย วิลเลียมส์ ผู้อำนวยการด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน การกำกับดูแลการปฏิบัติงานและการรับรองมาตรฐาน ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี กล่าวว่า “การนำเชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำมาใช้ในรายการสุดวิบากอย่างบาฮา 1000 จะช่วยให้เทคโนโลยีพลังงานสะอาดและเชื้อเพลิงชีวภาพขยายไปสู่วงกว้างได้เร็วขึ้น และมีจำหน่ายทั่วถึงในราคาที่จับต้องได้สำหรับทุกคนมากขึ้น”
ฟอร์ดมุ่งมั่นบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ทั้งจากรถยนต์ กระบวนการผลิต และห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกภายในปี พ.ศ. 2593 โดยในระหว่างนั้นมีการตั้งเป้าหมายระยะสั้นเพื่อบรรลุเป้าหมายตามหลักทางวิทยาศาสตร์ไว้ภายในปี พ.ศ. 2578 โดยฟอร์ดได้ทยอยเปิดตัวรถยนต์รุ่นยอดนิยมที่ใช้พลังงานไฟฟ้ามาแล้วหลายรุ่น และยังคงเดินหน้าวิจัยและพัฒนาเชื้อเพลิงทางเลือกสำหรับรถยนต์ฟอร์ดรุ่นอื่นๆ รวมถึงในรถที่ปรับแต่งเพื่อการแข่งขัน เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าในการใช้เชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำที่มีประสิทธิภาพ โดยรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงทางเลือกจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามหลัก Well-to-Wheel ซึ่งใช้วัดประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ต่างชนิดกันในหลายด้าน รวมถึงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในการผลิตและการใช้เชื้อเพลิง
รับชมวิดีโอการปรับแต่งและทดสอบรถฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ที่จะใช้ลงแข่งขันบาฮา 1000 ได้ที่นี่
หมายเหตุ
1ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ที่ปรับแต่งเพื่อการแข่งขันไม่มีวางจำหน่ายสำหรับลูกค้าทั่วไป
ที่มา: ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทีจีส์