รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส ที่ส่งผ่านต่อมรับรู้ ช่วยปลุกเร้าอารมณ์ความรู้สึก ขณะใช้เวลาอยู่ภายในแฟลกชิปโชว์รูมรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู มิลเลนเนียม ออโต้ ใหม่ ริมถนนพัฒนาการ-ศรีนครินทร์ ที่กลุ่มธุรกิจ มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) ตั้งใจรังสรรค์ขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘A Unique Experience Beyond Imagination’ ความสุนทรีย์ที่อาจไม่เคยได้สัมผัสจากโชว์รูมไหนมาก่อน ฉีกกรอบเดิมๆ พร้อมปฏิวัติวงการโชว์รูมรถยนต์ยุคดิจิทัล ที่ให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตล์ในทุกมิติ เชื่อมโยงไปสู่ฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ภายในอาคารอย่างมีชั้นเชิง
ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู มิลเลนเนียม ออโต้ พัฒนาการ-ศรีนครินทร์ นับเป็นโชว์รูม บีเอ็มดับเบิลยู แห่งใหม่ ภายใต้กลุ่มธุรกิจ มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) สร้างขึ้นภายใต้แนวคิด ‘A Unique Experience Beyond Imagination’ เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษแบบเฉพาะตัวให้ตรงใจลูกค้าแต่ละท่าน ผ่านโชว์รูมจริง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหลักการ ‘ODO’ (Online-Data-Offline)
เป็นวิสัยทัศน์ที่นำคำว่า ‘ออฟไลน์’ หรือโชว์รูมจริง กลับมามีบทบาท ควบคู่ไปกับเทรนด์ออนไลน์ในปัจจุบัน อีกทั้งยังมีการจัดเก็บฐานข้อมูลของลูกค้าอย่างเป็นระบบ เพื่อครอบคลุมการให้บริการทั้งรถยนต์ใหม่และรถยนต์มือสอง รวมไปถึงการบริการหลังการขาย ด้วยศูนย์บริการมาตรฐานครบวงจร ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับประสบการณ์ และการบริการที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน”
คุณวิสูตร สุขพงษ์, กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีทู ดีไซน์ สตูดิโอ จำกัด (V2 Design Studio) ในฐานะผู้จุดประกายไอเดีย เล่าที่มาของการพัฒนาแฟลกชิปโชว์รูม ที่ถ่ายทอดวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกรถยนต์ของกลุ่มธุรกิจ มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) ผ่านงานออกแบบสถาปัตยกรรม ว่า “เป็นความตั้งใจที่จะสร้างความสมดุลระหว่าง 3 เรื่องหลัก ได้แก่ วิธีคิดแบบที่ให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric), การยกระดับคุณภาพชีวิตในอาคาร (People & Place Quality) และสำคัญต้องเป็นงานออกแบบที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจ (Business Wise) โดยแนวคิดเหล่านี้ แปลงออกมาในรูปของงานออกแบบที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด”
เริ่มจากการออกแบบโชว์รูมสุดล้ำ ซึ่งเป็นแห่งแรกในระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีคอนเซ็ปต์ด้านการขายใหม่ (Retail Next) พร้อมตีโจทย์สู่การก่อสร้างอาคารที่สัมผัสได้จริง โดดเด่นสะดุดตาด้วยรูปลักษณ์ภายนอกทันสมัย กับดีไซน์ส่วนหน้าของอาคาร (Architectural Facade) ที่ออกแบบเป็นกล่องกระจกใส และระนาบแนวนอนขนาดใหญ่ เหมือนกำลังลอยเคลื่อนออกจากกัน (Floating Box) ช่วยขยายการมองเห็นของอาคารได้เต็มหน้ากว้างถนน และแบ่ง Facade ออกเป็น 3 หน้าต่างย่อยตามกลุ่มรถที่ต่างกัน ส่งผลให้แต่ละโซนโดดเด่นน่าสนใจ
“สำคัญว่ารูปแบบการสื่อสาร ถูกพัฒนาในแนวทางดิจิทัลไลซ์มากขึ้น ผ่านจอขนาดต่างๆ ที่กระจายอยู่ทั่วอาคาร เปิดโอกาสให้ทั้งที่ปรึกษาการขายและที่ปรึกษาการบริการหลังการขาย สามารถนำเสนอข้อมูลทั้งที่เป็นภาพนิ่งและเคลื่อนไหว เพื่อประสบการณ์ที่ดีที่สุดของลูกค้า ขณะที่โทนสี วิธีการจัดแสง และวัสดุตกแต่งภายใน ออกแบบใหม่ทั้งหมด มีเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวสอดแทรกเข้าไปในพื้นที่โชว์รถ หรือ Customer Stage เพื่อการสัมผัสรถในระยะใกล้ชิด ก่อนที่จะผ่านไปสู่พื้นที่ปิดการขาย ที่มีความเป็นส่วนตัว รวมถึงเคาน์เตอร์หรูหรา ร่วมสมัย สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นแบรนด์” คุณวิสูตร เจ้าของไอเดีย เผย
อีกมิติที่สะท้อนผ่านไอเดียสุดบรรเจิด คือการสร้างความเชื่อมโยงของพื้นที่ภายใน นำไปสู่การเข้าถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่างๆ แบบ ‘Journey’ พร้อมกับความท้าทายของโชว์รูมขยายขึ้นในแนวดิ่ง โดยนำชั้นลอย (Mezzanine) มาช่วยสร้างความเชื่อมโยงทางการมองเห็นจากพื้นที่หนึ่งไปสู่อีกพื้นที่หนึ่ง ทีละชั้น แบบชวนให้ค้นหา ชั้นลอยนี้ยังช่วยแบ่งโซนการจัดแสดง ตั้งแต่โซนรถยนต์รุ่นพื้นฐาน ชั้น 1 ก่อนจะขึ้นบันไดไปสู่ชั้น 1M สาหรับกลุ่มยนตรกรรมระดับหรู ของบีเอ็มดับเบิลยู โยงไปกลุ่มรถสปอร์ต (BMW M) ที่ชั้น 2 เชื่อมไปสู่ลานจัดแสดงรถมือสอง (BMW Premium Selection) ก่อนจะบรรจบที่มุมจัดแสดงรถพลังงานไฟฟ้า (BMW i) บริเวณชั้น 2M ผสานกับโถงสูงเอเทรียม ที่จัดวางลิฟต์แก้วอยู่ตรงกลาง เมื่อโดยสารสามารถมองเห็นรถที่จัดแสดงรายล้อม เป็นประสบการณ์แบบ 360 องศา
อย่างไรก็ตาม การสร้างประสบการณ์ตรงในโชว์รูม เป็นเรื่องที่ไม่สามารถทดแทนได้ด้วยวิถีออนไลน์ ดังนั้นผู้ออกแบบจึงให้ความสำคัญและนำเรื่องประสบการณ์ตรง ในมิติของโสตสัมผัสทั้ง 5 อันมี รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส หรือ ‘Ultimate Sensory Experience’ มาสร้างเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ เริ่มจาก ภาพที่เห็น (See) ในมุมมองโปร่ง สบายตา, อรรถรสจากเครื่องดื่ม (Sip) ที่เลาน์จใจกลางเอเทรียม ค่อยๆ บ่มอารมณ์เสมือนห้องนั่งเล่นที่บ้าน, กลิ่น (Smell) ที่รังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษเข้ากับบุคลิกของแบรนด์, เสียงที่ได้ยิน (Sound) โดยเฉพาะบทเพลงไพเราะจากเปียโนที่จัดวางบริเวณโถงกลางชั้นล่าง ช่วยขับกล่อมให้รู้สึกผ่อนคลายและการสัมผัส (Smooth) รวมถึงทดลองขับรถรุ่นที่กำลังหมายปอง ทั้งหมดนี้จะทำงานร่วมกันให้อารมณ์คล้ายแกลเลอรี่ ที่สำคัญห้องส่งมอบรถหลักถูกออกแบบให้กว้างขึ้น และจัดวางใกล้กับเลาน์จ เพื่อให้ครอบครัวและคนสำคัญได้ร่วมแสดงความยินดี โดยมีฉากหลังเป็นจอแอลอีดีขนาดใหญ่ที่สามารถปรับเนื้อหา ให้สอดคล้องกับรุ่นรถของลูกค้า เพื่อช่วงเวลาแสนพิเศษ น่าจดจำ
ท้ายที่สุดแล้ว คุณวิสูตร เชื่อว่าโชว์รูมที่ดีจะสร้างความเชื่อมโยง ทั้งระหว่างลูกค้ากับพนักงาน และพนักงานด้วยกันเอง หรือ ‘Engagement’ จึงมีการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยอีก 3 ส่วน คือ Millennium Auditorium บนชั้น 3 สำหรับการจัดกิจกรรมต่างๆ หรือแม้แต่ประชุมเพื่อระดมความคิดกันภายใน ด้วยที่นั่งยกระดับความจุกว่า 50 คน เช่นเดียวกับ Co-Working Space บริเวณชั้นลอยใกล้กัน สำหรับส่วนสนับสนุนและพนักงานขาย จัดวางในรูปแบบที่มีความยืดหยุ่นสูง ด้วยพื้นที่ส่วนกลางแบบโอเพ่นแอร์ รวมถึงการออกแบบพื้นที่ Long Span ไร้เสากลาง บริเวณชั้น 2 ที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับกิจกรรมทางการตลาด กิจกรรมเพื่อขยายความร่วมมือระหว่างแบรนด์ไลฟ์สไตล์ สู่การขยายฐานลูกค้า ยกระดับแบรนด์ และขยายโอกาสทางธุรกิจ
พร้อมกันนี้ โชว์รูมแนวคิดใหม่ ยังใส่ใจสิ่งแวดล้อมผ่านพลังงานสะอาด โดยออกแบบติดตั้งแท่นชาร์จ และ วอลล์ ชาร์จ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า กลมกลืนไปกับพื้นที่สีเขียวที่ให้ความรู้สึกสดชื่น รวมถึงมี ซิกท์ รถเช่า ประเทศไทย ผู้ให้บริการรถเช่าชั้นนำจากเยอรมนี ที่ปรับโฉมใหม่ โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายในที่ออกแบบเป็นรูปดวงตาเฉียบคม มาพร้อมบริการรถเช่าในราคาพิเศษอีกด้วย
อาจเรียกได้ว่าเป็นมาตรฐานใหม่ ของแฟลกชิปโชว์รูมที่มีความน่ารื่นรมย์ ภายใต้วิสัยทัศน์การสร้างเสริมประสบการณ์ ผ่านแนวคิด ‘ออฟไลน์’ หรือโชว์รูมจริง สอดผสานไปกับเทรนด์ออนไลน์ แล้วเชื่อมโยงไปสู่ไลฟ์สไตล์ ของผู้คนยุคใหม่ได้อย่างลงตัว
ที่มา: มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย)