NEW GENERATION OF MOTO GUZZI ที่ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์สุดคลาสสิก ที่มาพร้อมสมรรถนะอันยอดเยี่ยม ยิ่งกว่าที่เคย! กับ MOTO GUZZI V7 STONE และ MOTO GUZZI V7 SPECIAL

NEW GENERATION OF MOTO GUZZI  ที่ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์สุดคลาสสิก ที่มาพร้อมสมรรถนะอันยอดเยี่ยม ยิ่งกว่าที่เคย! กับ MOTO GUZZI V7 STONE และ MOTO GUZZI V7 SPECIAL

“MOTO GUZZI V7” ไอคอนนิกมอเตอร์ไซค์คลาสสิกสัญชาติอิตาเลียนที่ได้รับความนิยม และเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามจากนักบิดทั่วโลก เตรียมพร้อมนำเสนอประสบการณ์ครั้งใหม่ที่อัดแน่นด้วยสมรรถนะ และงานออกแบบที่สร้างประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับยิ่งกว่าที่เคย

สำหรับ V7 เวอร์ชั่นใหม่นี้ มีด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่ MOTO GUZZI V7 STONE สง่างามบนความเรียบง่ายสไตล์มินิมอล และ MOTO GUZZI V7 SPECIAL โดดเด่นด้วยความเรียบหรู และคลาสสิก ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่อันเป็นเทคโนโลยีล่าสุดส่งตรงจากโรงงานในแมนเดลโล ที่พร้อมพาคุณออกไปท่องโลกกว้างเปิดประสบการณ์ในการขับขี่ที่เพลิดเพลิน สนุก และเติมเต็มทุกอารมณ์การขับขี่

สำหรับ MOTO GUZZI V7 ทั้ง 2 รุ่น MOTO GUZZI V7 STONE และ MOTO GUZZI V7 SPECIAL มาพร้อมการอัปเกรดเครื่องยนต์อันเป็นเทคโนโลยีล่าสุดจาก MOTO GUZZI กับเครื่องยนต์ 850 ซีซี ที่มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น 25%

  • จากเดิมที่มีกำลังสูงสุด 52 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที เพิ่มขึ้นเป็น 65 แรงม้าที่ 6,500
    รอบต่อนาที
  • จากเดิมแรงบิดหรือค่าทอร์ก 60 นิวตันเมตร ที่ 4,250 ต่อนาที เพิ่มขึ้นเป็น 73 นิวตันเมตร ที่ 5,000 รอบต่อนาที โดยมีแรงบิดที่สูงขึ้นมากกว่า 80% ที่ช่วง 3,000 – 7,000 รอบต่อนาที

ทั้งนี้ เพื่อรองรับกับขนาดความจุของเครื่องยนต์ที่มากขึ้น ทีมนักออกแบบได้พัฒนาและปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ช่วยเสริมสมรรถนะในการขับขี่อย่างพร้อมสรรพ อาทิ ท่อไอเสียขนาดใหญ่ที่จัดวางตำแหน่งใหม่หรือเพลาขับส่งกำลังขนาดใหญ่และล้อหลังที่มีขนาดกว้างขึ้นเมื่อมองจากด้านท้าย รวมถึงโช๊คอัพหลังแบบคู่ชุดใหม่จาก Kayaba ทนทานและทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

โดยเมื่อมองจากมุมด้านข้าง จะพบบังโคลนที่สั้นลง และระบบท่อไอเสียที่ได้รับการเปลี่ยนใหม่ให้มีความยาวเพิ่มขึ้น 8 นิ้วครึ่ง ให้ภาพรวมที่ปราดเปรียวและโฉบเฉี่ยว นอกจากนี้ ยังพัฒนาเฟรมรถที่เสริมความแข็งแรงของเหล็กบริเวณแผงคอหน้า รองรับกับโช๊คอัพหน้าคู่แบบใหม่ที่ให้ระยะในการยุบตัวดีกว่าเดิม เบาะสองที่นั่งแบบเหลื่อมระดับที่ให้ความนุ่มสบายและผ่อนคลาย และที่พักเท้าหน้ารูปทรงใหม่ช่วยลดแรงสั่นสะเทือน ทำให้ความสะดวกสบายยังคงเป็นส่วนสำคัญของการขับขี่ ไม่ว่าสภาพถนนจะเป็นอย่างไรหรือระยะทางจะไกลแค่ไหน การปรับโฉมเหล่านี้ช่วยสร้างประสบการณ์อันแสนรื่นรมย์ไปพร้อมกับสมรรถนะชั้นเลิศในการขับขี่ เป็นการตอกย้ำว่า V7 ยังเป็นมอเตอร์ไซค์รุ่นที่มียอดขายดีที่สุดของ MOTO GUZZI ไม่เปลี่ยนแปลง

มากไปกว่านั้น MOTO GUZZI V7 STONE และ MOTO GUZZI V7 SPECIAL ยังมีรายละเอียดของการปรับเปลี่ยนที่แตกต่างกัน และสะท้อนคาแรกเตอร์อันโดดเด่น เริ่มจาก MOTO GUZZI V7 STONE ได้มีการเปลี่ยนระบบไฟแอลอีดีใหม่ทั้งหมด เสริมด้วยหลอดไฟเดย์ไลท์ (DRL) บริเวณโคมหน้าในรูปทรงสัญลักษณ์นกอินทรีของ MOTO GUZZI ส่วนแผงหน้าปัดทรงกลมแบบดิจิทัลได้รับการออกแบบให้คงไว้เพียงหน้าปัดเดียว สอดรับกับดีไซน์อันเรียบหรูสไตล์มินิมอล นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนขอบล้ออลูมิเนียมใหม่ที่ให้ลุคสปอร์ตและเฉียบเท่ โดยขอบล้อหลังมาพร้อมเส้นยางที่กว้างขึ้นที่ขนาด 150/70 และยังมาพร้อมกับสีใหม่ให้เหล่านักบิดได้เลือกกันถึง 3 สี ได้แก่ สีดำ (Nero Ruvido) สีฟ้า (Azzurro Ghiaccio) และสีส้ม (Arancione Rame) สนนราคาที่ 625,000 บาท

ส่วน MOTO GUZZI V7 SPECIAL การปรับโฉมในครั้งนี้ ยังคงรักษารูปแบบหน้าปัดคู่อนาล็อกสไตล์เดียวกับรถในเวอร์ชั่นแรก (มีมาตรวัดความเร็ว และมาตรวัดรอบเครื่องยนต์) รวมถึงล้อแบบซี่อันแสนคลาสสิก โดยในเวอร์ชั่นนี้มาพร้อมกับระบบป้องกันการลื่นไถล MGCT (Moto Guzzi Traction Control) วางจำหน่าย 2 สีคลาสสิก ตามโมเดลดั้งเดิม ได้แก่ สีน้ำเงิน (Blu Formale) และสีเทา (Grigio Casual) ราคา 649,000 บาท

ติดตามข่าวสารประชาสัมพันธ์ของโมโต กุซซี่ ได้ที่เฟซบุ๊ก Moto Guzzi Thailand และอินสตาแกรม @Motoguzzi_thailand

ที่มา: เวิรฟ พับบลิค รีเลชั่นส์ คอนซัลแตนท์ซี