สตุ๊ทการ์ท. ปอร์เช่ร่วมประชันความอลังการจากแนวทางการพัฒนายานยนต์ล้ำอนาคต ด้วยรถยนต์ต้นแบบ Mission R concept ที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีระดับศาสตร์แห่งศิลป์และวัสดุที่สะท้อนภาพความยั่งยืนเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ อาทิ พลาสติก fibre-reinforced จากธรรมชาติ ถึงพร้อมด้วยสมรรถนะของรถแข่งสายสนามตัวแรง งานออกแบบล้ำสมัย จากตัวถังที่กดต่ำเป็นพิเศษ เห็นได้ชัดว่ารถแข่งพลังงานไฟฟ้าคันดังกล่าวยังคงไว้ซึ่งการออกแบบด้วยเส้นสายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรถสปอร์ตระดับตำนานจาก Stuttgart-Zuffenhausen มอเตอร์ขับเคลื่อนประสิทธิภาพสูง 2 ชุดที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่หมดจด ติดตั้งลงในปอร์เช่ Mission R ให้พละกำลังสูงสุดกว่า 1,088 แรงม้า (800 กิโลวัตต์) เมื่อขับขี่ใน qualifying mode ความจุของแบตเตอรี่ประมาณ 80 กิโลวัตต์/ชั่วโมง เมื่อทำงานร่วมกับระบบชาร์จพลังงานย้อนกลับ recuperation ส่งผลให้สามารถเร่งออกตัวได้อย่างเฉียบขาด โดยปราศจากการสูญเสียพละกำลัง
“ปอร์เช่ คือแบรนด์รถสปอร์ตสำหรับเหล่าบุคคลผู้ต้องการเติมเต็มความฝันของตนเอง แน่นอนว่าไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่ในวงการมอเตอร์สปอร์ต เราสั่งสมประสบการณ์ผ่านความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรมบนสนามความเร็ว เป็นที่ประจักษ์ชัดในแนวทางการถ่ายทอดสมรรถนะ และความล้ำหน้าเพื่อสร้างความประทับใจแก่ผู้ขับขี่” ข้างต้นคือคำกล่าวจาก Oliver Blume ประธานกรรมการบริหารของ Porsche AG “นอกเหนือจากการมีส่วนร่วมลงแข่งขันในรายการ Formula E World Championship เรายังมีโครงการอื่นที่เปรียบได้กับก้าวกระโดดอันสำคัญในด้านยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า รถยนต์ต้นแบบ concept study คือตัวแทนในการแสดงวิสัยทัศน์ของเราที่มีต่อกลุ่มลูกค้ามอเตอร์สปอร์ต รถแข่งพลังไฟฟ้า Mission R เป็นภาพสะท้อนของทุกองค์ประกอบที่จะสร้างสรรค์ให้ปอร์เช่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งในแง่ของสมรรถนะ ดีไซน์ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน”
ลูกค้ามอเตอร์สปอร์ต ล้วนชื่นชมยินดีในเกียรติประวัติอันรุ่งโรจน์ของปอร์เช่ นับตั้งแต่การมาถึงของการแข่งขัน Porsche Carrera Cup Deutschland เมื่อ 31 ปีก่อน บริษัทผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำของโลก ได้ดำเนินการส่งมอบรถแข่ง Cup cars จากสายการผลิต Weissach ไปถึงมือลูกค้านักขับรถแข่งมากกว่า 4,400 คัน การแข่งขัน one-make cup series รวมทั้งสิ้น 30 รายการ จัดแข่งขันในทั่วทุกมุมโลก บนพื้นฐานของรถแข่งสมรรถนะสูงที่ได้รับความไว้วางใจสำหรับเวอร์ชั่นล่าสุด ของปอร์เช่ 911 จีที3 คัพ (Porsche 911 GT3 Cup) ยังไม่ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการจนกว่าสงครามความเร็วฤดูกาลแข่งขัน 2021 จะเริ่มขึ้น โดยเป็นการพัฒนาบนโครงสร้างตัวถังของรุ่น 992 ปอร์เช่ Mission R คือเครื่องชี้วัดอนาคตของรถแข่งพลังงานไฟฟ้า one-make series บ่งบอกถึงทิศทางที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า
รถสปอร์ตขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive มีพละกำลังติดตัวมาเฉียด 1,100 แรงม้า เมื่อขับขี่ใน qualifying mode ให้อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาต่ำกว่า 2.5 วินาที ความเร็วสูงสุด: มากกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงสำหรับประสิทธิภาพบนสนามแข่ง รถไฟฟ้าจอมพลังคันนี้สามารถวิ่งทำเวลาต่อรอบได้เทียบเท่ากับรถแข่งปอร์เช่ 911 จีที3 คัพ (Porsche 911 GT3 Cup) รุ่นปัจจุบัน ต้องยกคุณความดีให้มอเตอร์ไฟฟ้า และเซลล์แบตเตอรี่ที่ได้รับการออกแบบใหม่ – ซึ่งทั้งหมดติดตั้งร่วมกับนวัตกรรมระบบ direct oil cooling – รถแข่งปอร์เช่ Mission R concept study ให้พละกำลังต่อเนื่องในระดับ 680 แรงม้า (500 กิโลวัตต์) เมื่อขับขี่ใน race mode ปัญหาการสูญเสียพลังขับเคลื่อนของแบตเตอรี่เนื่องจากสภาพอุณหภูมิได้ถูกแก้ไขจนหมด มอเตอร์ไฟฟ้าของเพลาขับหน้าให้กำลังสูงสุด 435 แรงม้า (320 กิโลวัตต์) ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าของเพลาขับหลังให้กำลังสูงสุดถึง 653 แรงม้า (480 กิโลวัตต์) ผลลัพธ์จากเทคโนโลยีแรงเคลื่อนไฟฟ้า 900-โวลต์ และระบบชาร์จพลังงาน Porsche Turbo Charging อาศัยเวลาเพียง 15-นาที หลังจากหยุดวิ่งสำหรับการชาร์จแบตเตอรี่จากความจุ 5 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ SoC (state of charge) โดยรองรับกำลังไฟฟ้าสูงสุด 340 กิโลวัตต์ ปอร์เช่ Mission R ยังได้รับการเสริมสมรรถนะในด้านอากาศพลศาสตร์ด้วยระบบ Porsche Active Aerodynamics (PAA) พร้อมระบบ Drag Reduction System (DRS) บริเวณชิ้นส่วนตัวถังด้านหน้า และปีกหลัง อุปกรณ์ดังกล่าวประกอบด้วยครีบ 3 ชั้นในแต่ละฝั่งของช่องรับอากาศกันชนหน้า เช่นเดียวกับปีกหลังสองชั้นที่สามารถปรับระดับได้
นอกจากนี้ยังเสริมด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย ตามแนวคิด battery-electric drive ตัวถังของรถสปอร์ตต้นแบบผลิตขึ้นโดยคำนึงถึงการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงได้รับการสร้างขึ้นจาก natural fibre reinforced plastic (NFRP) เป็นส่วนใหญ่รวมถึงวัสดุพื้นฐานที่ได้จาก flax fibres ซึ่งถือกำเนิดจากกระบวนการทางเกษตร นอกจากนี้วัสดุธรรมชาติดังกล่าวยังได้รับการนำมาผลิตเป็นชิ้นส่วนลิ้นกันชนล่างด้านหน้า ชุดดิฟฟิวเซอร์ และสเกิร์ตข้าง NFRP ยังใช้เป็นส่วนประกอบหลักของอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารของ Mission R อาทิ แผงประตู รอยต่อห้องโดยสารหลัง และที่นั่ง
งานออกแบบภายในห้องโดยสารมุ่งเน้นไปยังผู้ขับขี่ในทุกองค์ประกอบ ติดตั้งหน้าจอแสดงผลตามหลักสรีรศาสตร์ บริเวณกึ่งกลางระหว่างแผงควบคุมของวงพวงมาลัย ถ่ายทอดข้อมูลที่จำเป็นเมื่อขับขี่บนสนามอย่างครบถ้วน หน้าจอมอนิเตอร์บริเวณด้านบนของคอพวงมาลัย แสดงภาพจากกล้องด้านข้าง และกล้องด้านท้ายรถ หน้าจอสัมผัสบริเวณฝั่งขวาของที่นั่งสามารถเรียกดูข้อมูลทางกายภาพของผู้ขับขี่ได้ทันทีที่ต้องการ กล้องจำนวนมากรายรอบห้องโดยสารเป็นประโยชน์ในการถ่ายทอดสัญญาณภาพสดแบบ live stream ให้บรรยากาศการรับชมสุดตื่นเต้นเร้าใจ
ด้วยโครงการ Mission R ปอร์เช่กำลังนำเอาประสบการณ์ virtual racing ที่สมจริง เข้ามาใกล้ชิดมากที่สุดกว่าที่เคย ห้องโดยสารแบบ monocoque จำลองแบบมาจากกีฬา esports โดยสมบูรณ์ โครงสร้างนิรภัยผลิตจากวัสดุ carbon fibre composite material ผสมผสานระหว่างการปกป้องระดับสูงกับน้ำหนักที่ลดลง แถมด้วยความสวยงามอันแตกต่าง วิศวกร และดีไซเนอร์ของปอร์เช่ขนานนามโครงสร้างหลังคาคาร์บอนที่พัฒนาขึ้นใหม่ล่าสุดว่า “exoskeleton” มันคือการรวมตัวกันของโครงสร้างนิรภัย safety cage และพื้นหลังคารถ มิติความยาวตัวถัง 4,326 มิลลิเมตร ส่งผลให้ปอร์เช่ Mission R มีขนาดสั้นกว่า 718 เคย์แมน (718 Cayman) เล็กน้อย แต่สิ่งที่โดดเด่นจนสังเกตได้ชัดคือความกว้างตัวถังที่มากกว่าถึง 1,990 มิลลิเมตร และระดับความสูงตัวถังภายนอกซึ่งต่ำกว่าที่ 1,190 มิลลิเมตร
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา การเผยโฉมของรถยนต์ต้นแบบ Mission E (2015) และ Mission E Cross Turismo (2018) concept studies คือเวทีโหมโรงที่สร้างความตื่นตะลึงให้แก่การปรากฎตัวของรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าคันแรก ปอร์เช่ ไทคานน์ สปอร์ต ซาลูน (Taycan sports saloon) (2019) และ ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม (Taycan Cross Turismo) รถยนต์ไฟฟ้า cross-utility (2021) ซึ่งมีความใกล้เคียงอย่างมากกับรถยนต์ต้นแบบทั้งสองคัน ทั้งในแง่ของรูปทรง และเทคโนโลยี ได้ผ่านการพิสูจน์แล้วด้วยความสำเร็จล้นหลามหลังเปิดตัวในตลาดทั่วโลก กล่าวได้ว่าโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์ตามแผนที่วางไว้ ปัจจุบัน ด้วย Mission R ปอร์เช่กำลังนำเสนอวิสัยทัศน์แห่งอนาคตของยานยนต์เพื่อลูกค้ามอเตอร์สปอร์ต รถยนต์ต้นแบบได้เผยโฉมต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลกแล้ว ที่งานแสดงนวัตกรรมยานยนต์ IAA MOBILITY เมืองมิวนิก
เชื่อมต่อไปยัง digital press kit ปอร์เช่ Mission R ได้ที่: https://porsche.link/mission-r-en
ติดตามข้อมูลข่าวสาร ภาพยนตร์ และภาพถ่ายได้ที่ Porsche Newsroom: newsroom.porsche.com
เกี่ยวกับ AAS Auto Service
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการ ทดสอบระดับเหรียญ ทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามี จำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกร ของเราให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR” เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า “AAS The Name you can Trust” ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี
ที่มา: ปอร์เช่ ประเทศไทย