เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัว “Mercedes-Benz GLA 200 Progressive” ยนตรกรรมคอมแพ็คเอสยูวีที่ผสานความหรูหรากับดีไซน์สปอร์ตไว้ได้อย่างลงตัว พร้อมนำเสนอความอเนกประสงค์ที่บ่งบอกตัวตนไม่ซ้ำใคร เติมเต็มความโฉบเฉี่ยวในทุกการเดินทางด้วยดีไซน์ภายนอกและภายในที่ตกแต่งแบบ Progressive ดูโดดเด่นและทรงพลังในทุกรายละเอียด ในราคาเริ่มต้น 2,199,000 บาท
มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “หลังการเปิดตัวรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่น GLA 200 AMG Dynamic ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมาและได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยม เมอร์เซเดส-เบนซ์จึงพร้อมขยายพอร์ตโฟลิโอของรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็คเอสยูวีต่อเนื่องด้วย”Mercedes-Benz GLA 200 Progressive” ยนตรกรรมรุ่นใหม่ที่ผสานความหรูหราเข้ากับดีไซน์สปอร์ตได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะการตกแต่งภายนอกและภายในแบบ Progressive ที่มีความโดดเด่น ตอบรับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการรถยนต์เอสยูวีที่มีความอเนกประสงค์ทว่าในขนาดแบบคอมแพ็คเหมาะกับไลฟ์สไตล์ยุคปัจจุบัน ทั้งนี้ เซกเมนต์รถยนต์เอสยูวียังคงเป็นเซกเมนต์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเมอร์เซเดส-เบนซ์ในฐานะผู้นำในตลาดรถยนต์ลักชัวรีก็พร้อมที่จะพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม พร้อมทั้งแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ สำหรับเซกเมนต์นี้ เพื่อให้เป็นทางเลือกใหม่ที่ตอบรับความต้องการของผู้ใช้รถได้อย่างตรงใจ”
Mercedes-Benz GLA 200 Progressive คือยนตรกรรมคอมแพ็คเอสยูวีที่ผสานความหรูหรากับดีไซน์สปอร์ตไว้ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะอยากชิลในเมือง หรือออกเดินทางไกล ก็บ่งบอกตัวตนที่โดดเด่นไม่ซ้ำใครได้ชัดเจน พร้อมตอบสนองทุกการขับขี่ให้เป็นในแบบที่คุณปรารถนา เติมเต็มความโฉบเฉี่ยวให้กับทุกการเดินทางด้วยขุมพลังขนาด 1,332 ซีซี ที่สามารถรองรับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ได้ ให้กำลังสูงสุดถึง 163 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ 1,620-4,000 รอบ/นาที และมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยมเฉลี่ยเพียง 5.7-6.0 ลิตร/100 กม.
ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นและทรงพลังในทุกรายละเอียด ด้วยความพิเศษของการตกแต่งแบบ Progressive ที่สามารถถ่ายทอดความเป็นรถยนต์ออฟโรดออกมาได้อย่างลงตัว เพิ่มความหรูหราด้วยการใช้วัสดุโครเมียม ตกแต่งตลอดทั้งคัน ต่อเนื่องด้วยไฟหน้าแบบ LED High Performance ปราดเปรียวด้วยล้อดีไซน์ใหม่แบบ 5 ก้านคู่ขนาด 18 นิ้ว สีเงินตัดสลับกับสีดำ ภายในห้องโดยสารให้สัมผัสของการสร้างสรรค์สเกลการออกแบบใหม่ในทุกรายละเอียดด้วยสไตล์ที่ให้ความรู้สึกสปอร์ต โมเดิร์น และให้ความรู้สึกกว้างขวางที่สัมผัสได้ทันทีเมื่อเข้ามานั่ง ลงตัวด้วยการตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบ Progressive interior package ที่มอบความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารทุกที่นั่งพร้อมการออกแบบภายในห้องโดยสารให้มีบรรยากาศที่เรียบหรูด้วยเบาะหนังชนิด ARTICO สีดำพร้อมเดินด้วยด้ายสีเงินตลอดทั้งคัน เข้ากันกับวัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสารที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยลวดลาย 3 มิติแบบ Spiral-look trim นอกจากนี้ Mercedes-Benz GLA 200 Progressive ยังมาพร้อมเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัยมากมาย โดยเฉพาะไฮไลต์อย่าง Mercedes me connect ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้าและผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยทำงานร่วมกับระบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ที่ช่วยมอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่มากขึ้นสำหรับผู้ขับขี่
Mercedes-Benz GLA 200 Progressive วางจำหน่ายในราคา 2,199,000 บาท
ลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mercedes-Benz GLA 200 Progressive และเมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกรุ่น ได้ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์และผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ
เกี่ยวกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นผู้รับผิดชอบธุรกิจทั่วโลกของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และรถตู้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 173,000 คนทั่วโลก โดยมี โอล่า คัลเลนเนียส เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายรถยนต์ รถตู้ และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้น ยังมีเจตนารมณ์ในการเป็นผู้นำของโลกในด้านการเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ยานยนต์ไร้คนขับ และยานยนต์ทางเลือก โดยการใช้นวัตกรรมล้ำสมัยต่าง ๆ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วยแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และแบรนด์ย่อย เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เมอร์เซเดส-มายบัค และเมอร์เซเดส-มี รวมทั้งแบรนด์สมาร์ท และแบรนด์อีคิว ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์โดยสารระดับพรีเมี่ยมรายใหญ่ที่สุดของโลก ในปี 2563 บริษัทฯ จำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกือบ 2.4 ล้านคัน และรถตู้กว่า 438,000 คัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ขยายเครือข่ายการผลิตใน 2 กลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยมีฐานการผลิตกว่า 40 แห่งใน 4 ทวีป ควบคู่ไปกับแนวทางการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการในด้านยานยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกัน บริษัทได้พัฒนาเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ของตัวเองทั่วโลกใน 3 ทวีป การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนล้วนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อทั้งสองกลุ่มธุรกิจ สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ความยั่งยืนหมายถึงการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในระยะยาว ทั้งลูกค้า พนักงาน นักลงทุน พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคมโดยรวม โดยอาศัยพื้นฐานของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของเดมเลอร์ ซึ่งมุ่งรับผิดชอบต่อผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และสังคม จากกิจกรรมทางธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัท และให้ความสำคัญต่อห่วงโซ่คุณค่าโดยรวม
ที่มา: โอกิลวี่ ประเทศไทย