การก้าวสู่ความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดในทุกภูมิภาคทั่วโลกนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว โดยเฉพาะในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่แบรนด์รถเอสยูวีจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ อย่าง HAVAL ได้ทำลายทุกสถิติจนสามารถก้าวสู่ความเป็นผู้นำได้อย่างเต็มภาคภูมิ นำ HAVAL ไปสร้างความนิยมในหลายประเทศทั่วโลก และในปีนี้ ประเทศไทยจะเป็นประเทศล่าสุดที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประกาศจะนำแบรนด์ HAVAL เข้ามาเป็นธงรบในการรุกตลาดครั้งนี้
ตั้งแต่เริ่มเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้มีการศึกษาตลาด ทำความรู้จักคนไทยอย่างใกล้ชิด พร้อมสื่อสารเกี่ยวแบรนด์และผลิตภัณฑ์มาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการเผยโฉม All New HAVAL H6 Hybrid SUV เป็นครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทย ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 ที่ผ่านมา และได้รับความสนใจจากผู้บริโภคชาวไทยอย่างล้นหลาม มาจนถึงการเผยภาพยนตร์โฆษณาได้อย่างน่าสนใจ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้ชื่อแบรนด์ HAVAL เริ่มเป็นที่รู้จักของคนไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก่อนที่จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ All New HAVAL H6 Hybrid SUV อย่างเป็นทางการและเปิดให้คนไทยได้จับจองเป็นเจ้าของในเร็วๆ นี้ ลองมาทำความรู้จักและดูการเติบโตของแบรนด์ HAVAL ซึ่งมีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
ทศวรรษแห่งการเริ่มต้น สู่เป้าหมายการก้าวขึ้นสู่ผู้นำรถเอสยูวีระดับโลกHAVAL ได้รับการยกย่องให้เป็นแบรนด์รถเอสยูวีระดับโลก นำโดยรุ่นเรือธงอย่าง HAVAL H6 ซึ่งครองสถิติ “รถเอสยูวีที่มียอดขายสูงสุดในประเทศจีน” ติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนานถึง 8 ปี HAVAL H6 มีจุดเริ่มต้นในปี 2554 ด้วยภาพลักษณ์ของรถสมาร์ทเอสยูวี ที่โดดเด่นด้วยสมรรถนะและการใช้งาน จนสามารถคว้ารางวัล “CCTV Utility Vehicle” ไปครองในปี 2555 หลังจากนั้นจึงเริ่มใช้ชื่อแบรนด์ HAVAL อย่างเป็นทางการในปี 2556 และเปิดตัว HAVAL H6 เวอร์ชั่น Sport ในปีเดียวกัน ตามด้วยการเผยโฉม HAVAL H6 COUPE ในปี 2558
ในระหว่างปี 2560 – 2562 HAVAL เริ่มเข้าสู่ยุคแห่งการขับขี่ปลอดภัยครอบคลุมทุกด้านด้วย All New HAVAL H6 และสามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 HAVAL H6 3rd Generation ก็ยังคงเป็นยานยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกการขับขี่และความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี และจากการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งทำให้ HAVAL H6 ครองใจผู้ใช้จนสามารถขึ้นแท่นเป็น “รถเอสยูวีที่ขายดีอันดับ 1 ของประเทศจีนในแต่ละเดือน” ติดต่อกันถึง 91 เดือน และนับตั้งแต่เปิดตัว มียอดขายรวมกว่า 3 ล้านคัน นอกจากนี้ ยังได้รับรางวัลมากมายในตลาดต่างประเทศหลายแห่ง เช่น รางวัลรถเอสยูวี ที่มีคุณค่ามากที่สุดในออสเตรเลีย และเป็นรถเอสยูวีรุ่นที่ดีที่สุดในชิลี
ซึ่งนอกจาก HAVAL H6 แล้ว ยังมีรุ่นอื่นๆ จากแบรนด์ HAVAL ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น รุ่นยอดนิยมจาก F Series อย่างเช่น HAVAL F7 รถเอสยูวีที่มาพร้อมเทคโนโลยีการเชื่อมต่ออัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุด หรือ HAVAL Big Dog รถเอสยูวีรุ่นใหม่ที่แยกไลน์ออกจากรุ่นเดิมอย่างชัดเจน เพื่อให้เป็น “รถที่ใช่” สำหรับผู้มีไลฟ์สไตล์กลางแจ้ง HAVAL H9 รถเอสยูวีอัจฉริยะรุ่นใหญ่ ที่มาพร้อมคุณสมบัติและฟีเจอร์การใช้งานครบครัน โดย HAVAL เป็นรถเอสยูวีแบรนด์แรกในจีนที่เข้าสู่กลุ่มยอดขาย 6 ล้านคัน ด้วยยอดขายสะสมมากกว่า 6.5 ล้านคัน ทั้งยังรักษายอดขายรถเอสยูวีอันดับ 1 ในประเทศจีนได้เป็นระยะเวลา 11 ปี ติดต่อกัน
ล่าสุด HAVAL ได้ประกาศ Brand DNA ใหม่ ภายใต้แนวคิด “กล้าคิด กล้าทำ กล้าลองที่จะสร้าง เล่นได้ไม่จำกัด” โดยพัฒนาโมเดลใหม่ๆ ออกมาอีกหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น All New HAVAL H6 Hybrid SUV HAVAL JOLION HAVAL CHITU (HAVAL Red Rabbit) รวมถึง Concept Car อย่าง HAVAL X Dog และ HAVAL – XY เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคครบทุกด้าน เชื่อมต่อความต้องการของคน GEN Z พร้อมประกาศเป้าหมายยอดขาย 1.3 ล้านคันทั่วโลกภายในปี 2023
HAVAL รถเอสยูวีชั้นนำที่เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีระดับโลก มาพร้อมกับกลยุทธ์การตลาดที่แตกต่าง
เบื้องหลังความสำเร็จของของ HAVAL คือ เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกในการขับขี่ที่เข้าถึงง่าย ใช้ประโยชน์ได้จริง ซึ่งทีมวิจัยและนักพัฒนาจากศูนย์วิจัยและพัฒนากว่า 10 แห่งใน 7 ประเทศทั่วโลก ที่ได้ทุ่มเทพัฒนาขึ้น โดยจะเห็นได้จากฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ All New HAVAL H6 Hybrid SUV ที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะในคอนเซปต์ LIFE+ (LIFE PLUS) ที่จะตอบสนองความต้องการในทุกเส้นทางการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น
L: L2 ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 2
I: Intelligence V3.5 ระบบอัจฉริยะที่ช่วยสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
F: FOTA ระบบการอัปเกรดโปรแกรมออนไลน์
E: EYE Q4 ชิปอัจฉริยะที่ประมวลผลได้รวดเร็วขึ้นและ + (Plus) ซึ่งให้ได้ “มากกว่า” ด้วยเทคโนโลยี GWM LEMON Hybrid DHT ที่ผสานกับความปลอดภัยและการออกแบบอันล้ำสมัย พร้อมโหมดการขับขี่ 4 แบบ ได้แก่ โหมดมาตรฐาน/ โหมดสปอร์ต/ โหมดประหยัด/ โหมดสภาพถนนลื่น เพื่อตอบสนองการขับขี่ในสภาพถนนที่แตกต่างกัน
ทั้งนี้ All New HAVAL H6 Hybrid SUV ซึ่งเผยโฉมเป็นครั้งแรกของโลกภายในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จะเป็นรถรุ่นแรกที่เกรท วอลล์ มอเตอร์จะแนะนำสู่ตลาดเมืองไทย โดยมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้ (ภายในไตรมาสที่ 2) ซึ่งเป็นการตอกย้ำกลยุทธ์ xEV Leader การเป็นผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และมุ่งมั่นที่จะส่งมอบสิ่งใหม่ๆ ด้านการขับขี่ให้กับคนไทย ทั้งในด้าน “NEW ENERGY” พลังงานใหม่ “NEW EXPERIENCE” ประสบการณ์ใหม่ และ “NEW LUXURY” ความหรูหรารูปแบบใหม่
จากวันแรกจนถึงวันนี้ HAVAL ยังคงพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งในการส่งมอบรถเอสยูวีที่มีความโดดเด่น ทั้งด้านสมรรถนะที่ทรงพลัง เทคโนโลยีอัจฉริยะที่ชาญฉลาด ระบบความปลอดภัยเหนือระดับ ที่มาพร้อมสไตล์และดีไซน์อันหรูหรา รวมถึงฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย HAVAL ทุกๆ รุ่น ที่ทยอยออกมาทำตลาดในตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาและต่อไปในอนาคต ก็จะยังคงเป็นรถเอสยูวีที่ตอบโจทย์ความต้องการอันหลากหลายของผู้บริโภคในตลาดโลกและนานาประเทศต่อไป
ในฐานะ “บริษัทที่ให้บริการการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีระดับโลก (Global Mobility Technology Company)”
เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างวิวัฒนาการใหม่ให้กับยานยนต์ไทย พร้อมนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าสายพันธุ์ใหม่เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยได้มีโอกาสสัมผัสอย่างใกล้ชิด โดยเริ่มนำแบรนด์ที่เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมอันล้ำสมัย ที่มาพร้อมกับความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคทั่วโลกอย่าง HAVAL เข้ามาเป็นเรือธงหลักในการรุกตลาด และพร้อมก้าวสู่การเป็น Top of Mind แบรนด์รถยนต์ของประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบยานยนต์และเทคโนโลยีอัจฉริยะ พร้อมประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับ ควบคู่ไปกับการสนับสนุนและยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและเศรษฐกิจไทยให้ก้าวไกลและเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน
เกี่ยวกับเกรท วอลล์ มอเตอร์
เกรท วอลล์ มอเตอร์ (Great Wall Motor) หรือ GWM ผู้ผลิตรถเอสยูวีและรถกระบะระดับโลก จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเมื่อปี 2546 และตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้เมื่อปี 2554 มีบริษัทย่อยที่ถือหุ้นมากกว่า 80 บริษัทและมีพนักงานกว่า 70,000 คน ปัจจุบัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ทำยอดขายได้กว่าหนึ่งล้านคันต่อปี เป็นเวลาห้าปีติดต่อกัน ซึ่งนอกจากในประเทศจีน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังส่งมอบรถยนต์คุณภาพไปให้กว่า 60 ประเทศและภูมิภาค และมีเครือข่ายในต่างประเทศกว่า 500 แห่งอีกด้วย
ที่มา: เจ คอนเนค พีอาร์